คนสมัคร สว.มากที่สุด-รู้ข้อมูลผู้สมัคร สว.มากที่สุด
เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องไตร่ตรองหลักการสำคัญข้างต้น ทำอย่างไรให้เดินไปถึงจุดหมายดังกล่าว เป็นข้อเสนอแนะของผู้ที่เฉิดฉายอยู่บนถนนทางการเมืองทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติมายาวนาน อย่าง นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
วันนี้ กกต.ไม่ได้ทำทั้งสองอย่าง แถมออกระเบียบว่าด้วยการแนะนำตัวฯ กระทำตรงกันข้ามกับหลักการทั้งสอง คล้ายไปปรามคนเชิญชวนให้ลงสมัคร สว.เยอะ ๆ สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย คนก็ไม่กล้าทำ
แม้นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ระบุนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทำได้ แต่มีขอบเขตบนสถานการณ์ที่บรรดาผู้ประสงค์ลงสมัคร สว. ปวดหัวกับกติกาที่ กกต.ออกมา ถึงขั้นรวมตัวเข้ายื่นคำร้องศาลปกครองขอให้ไต่สวนฉุกเฉินเพิกถอนระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวเลือก สว.ปี 67 จำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้สมัคร สว. โดยเฉพาะข้อห้าม “แนะนำตัวผ่านสื่อทุกชนิด รวมถึงโซเชียลมีเดีย”
การแนะนำตัวก็เหมือนกัน เลขาธิการ กกต.ยังแผ่นเสียงตกร่อง ที่ระบุแนะนำตัวกับ “ผู้สมัคร สว.” ด้วยกัน ต้องถามกลับใครคือผู้สมัคร และจะแนะนำตัวต่อผู้สมัครด้วยกันได้อย่างไร
เพราะต้องรอถึงวันสุดท้ายของการรับสมัครปิดแล้ว ถึงรู้ว่าใครเป็นใคร โดยปิดประกาศแค่ชื่อไม่มีเบอร์โทรศัพท์ ไม่มีที่ติดต่อ หรือ 3 วันก่อนวันเลือกก็มีแค่ชื่อ และประวัติ 5 บรรทัดเท่านั้น ผู้สมัครทั่วไป ผู้สมัครอิสระไม่รู้อะไร จะเลือกแบบภายใต้ความไม่รู้
เอื้อต่อระบบจัดตั้ง ไม่เป็นผลดีต่อการเมือง
“แต่ยังดีกว่า สว.แต่งตั้ง ที่ทำงานภายใต้หนี้บุญคุณ ตามการกำกับหรือตามคำสั่งของคนที่แต่งตั้ง เลือก สว.คราวนี้น่าจะมีความเป็นอิสระมากขึ้นในช่วงแรกๆ
หลังทำงานสักระยะคงรู้จักกันมากขึ้น อาจมีฝ่ายการเมืองที่เลว กล้าทำคอยสะกิดแทรกแซงสว. หรือ สว.บางคนทำหน้าที่เป็นตัวกลางไปสะกิด สว.ที่เหลือ
พยายามดึง สว.เข้ามาเป็นพวกเพราะมีอำนาจหน้าที่ เลือกองค์กรอิสระตรวจสอบฝ่ายการเมือง ทุกมือของ สว.มีความหมาย
ฉะนั้นเลือกคนที่มีความมั่นคงในจุดยืน ตรงไปตรงมา เป็นอิสระ เงินซื้อไม่ได้ แต่ถ้าเลือกคนที่ไม่มีจุดยืน อยู่ฝั่งผู้มีอำนาจตลอดเวลา”
ท้ายสุดไม่ได้ สว.ที่เป็นความหวังของประชาชน
ถึงมีคำถามตลอดว่าประเทศไทยควรมีวุฒิสภาต่อไปหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่าเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ได้สภาผัว สภาเมีย ระบบแต่งตั้งก็ฝั่งเฉพาะคำสั่งของผู้แต่งตั้ง และระบบเลือกไขว้ไต่ระดับก็เข้าทางฝ่ายจัดตั้ง นายสมชัย บอกให้เห็นภาพรวมถึงอำนาจหน้าที่ของ สว.ในทุกมิติ เห็นว่าไม่จำเป็นมีวุฒิสภา
อาทิ สว.ไม่มีความจำเป็นรวมถึงบทบาทให้คำปรึกษาหารือ แอ็กชันที่ดีต่อรัฐบาล ตรวจสอบโดยอภิปรายทั่วไป เรื่องนี้แทบไม่มีความจำเป็น เพราะสภาผู้แทนราษฎรทำหมดแล้ว
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajTQfRHk5q23kPdH56DUel5D2goG3h.jpg)
ส่วนบทบาทกำกับการทำงานของรัฐบาลให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ สว.ทำอย่างเข้มข้นให้รัฐบาลรายงานทุก 3 เดือน ท้ายสุดแค่รายงานประจำ ปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ ไม่ก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็ถูกครหา เพราะสังคมโลกเปลี่ยนไวมาก สิ่งที่เขียนไว้อาจล้าสมัย
หรือการเห็นชอบผู้ที่ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ บนหลักที่ประชุมวุฒิสภา ไม่ฝักใฝ่การเมือง ที่ผ่านมาตั้งข้อสังเกตเลือกคนที่ไม่เป็นปฏิปักษ์กับรัฐ ความเป็นกลางไม่ค่อยเกิดขึ้น
คำถามคือให้สภาผู้แทนราษฎรเลือกกรรมการองค์กรอิสระ ตามสเปกที่เข้มข้น และกระบวนการเลือกที่เข้มข้น โดยออกแบบเสียงข้างมากพิเศษ อาจใช้เสียงข้างมากทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน กติกาย่อมเข้มข้นขึ้น
แต่อุปสรรคสำคัญ สังคมเคยชินกับรูปแบบมีสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภามาตลอด สังคมยังกังวลใจการมีสภาผู้แทนราษฎร อาจเอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นเสียงข้างมาก อาจนำพาประเทศไทยไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ก็เลยเห็นว่าจำเป็นต้องมีวุฒิสภา
กกต.ออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยการแนะนำตัวเลือก สว.ปี 67 เป็นอุปสรรคต่อผู้ประสงค์สมัคร สว. และสูตรการเลือก สว.สุดพิสดาร สว.ที่ได้รับเลือกส่วนใหญ่อาจไม่ใช่ผู้ทรงคุณวุฒิตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ นายสมชัยบอกว่า จุดประสงค์ให้เลือกกันเองในแต่ละกลุ่มอาชีพ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย
ตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่ผู้สมัครแต่ละรายไม่เลือกกลุ่มอาชีพที่ตัวเองถนัดที่สุด มีความรู้มากที่สุด หรือใช้เวลาทำงานในกลุ่มอาชีพนั้นมากที่สุด แต่จะเลือกกลุ่มอาชีพที่แข่งขันน้อย และมีโอกาสเข้าไปเป็น สว.มากที่สุด
ยิ่ง กกต.ให้การรับรองใครว่าอยู่ในกลุ่มอาชีพได้ง่ายเกินไป มีเพียงบุคคลคนเดียวเป็นผู้รับรอง ไม่ต้องมีหน่วยงานราชการ หรือนิติบุคคลรับรองว่าประกอบอาชีพอะไร ไม่เหมือน สส.ต้องมีหลักฐานเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี ฉะนั้นอาจได้ สว.ที่ไม่มีความหลากหลาย แต่ยังมองโลกในแง่ดี คาดได้เข้ามา 70-80%
และยังมีคำถามว่าจะได้คนที่มีความรู้ ความสามารถทำหน้าที่เชิงนิติบัญญัติได้หรือไม่ คนเหล่านี้อาจไม่ผ่านประสบการณ์ ทั้งออกกฎหมาย ทำหน้าที่กรรมาธิการวิสามัญชุดต่างๆ ในปีแรกอาจทำงานยากพอสมควร
แล้ววันนี้ กกต.ยังออกระเบียบไม่เอื้อ ทำให้เลือกตั้งภายใต้ความมืดมนตาบอด กกต.ยังแก้ระเบียบได้ทัน อย่ายืนกระต่ายขาเดียวว่าแก้ไม่ได้ แม้เปิดช่องให้ผู้สมัครทำการสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้หมด แต่ “ต้องทำระหว่างผู้สมัครด้วยกัน” แค่ประโยคนี้ ทำให้ปิดประตูดำเนินการต่อไปได้
ควรเปลี่ยนระเบียบ กกต. เอาคำว่า “เผยแพร่ต่อผู้สมัครด้วยกัน” ออกไปจาก ผลที่เกิดขึ้นทำให้ผู้สมัครทำประวัติสวยงามบนเอกสารเอสี่ 2 หน้า เปิดต่อสาธารณะได้ อย่างน้อยที่สุดผู้สมัครด้วยกันมีข้อมูลตัดสินใจเลือก
และเปิดให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ ฟังมุมคิดว่าฝักใฝ่เผด็จการ อำนาจนิยม ประชาธิปไตยของจริงหรือของปลอม ฝาก กกต.ทบทวน อย่ายืนกระต่ายขาเดียว
กรรมการระดับนายอำเภอรู้ภาพรวมแต่ละสาขาอาชีพมีผู้สมัคร ส.ว.จำนวนเท่าไหร่ เป็นช่องโหว่ส่งซิกให้ฝ่ายการเมืองรู้ เพื่อเติมผู้สมัคร สว.เข้ามาชิงความได้เปรียบ นายสมชัย บอกว่า ถ้านายอำเภออยากติดคุกก็ทำกฎหมายห้ามชัดเจน การรับสมัครแต่ละวัน ทั้ง กกต.ใหญ่ 7 คน สำนักงาน กกต.คนหนึ่งคนใดก็ตามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรับสมัคร ไม่สามารถเปิดเผยชื่อ จำนวนผู้สมัครในแต่ละวันได้ จนกว่ารับสมัครเสร็จ
หากไปช่วยคนที่มีอำนาจในพื้นที่ โดยส่งสัญญาณส่งข้อมูลไปว่า กลุ่มอาชีพนี้สมัครน้อยเกินรีบมาสมัคร อาชีพนี้คนดังสมัครเยอะ อย่ามาสมัคร คนรักษากติกาต้องเคร่งครัด มันเป็นความผิดทางอาญา
เมื่อพูดถึงตรงนี้วันนี้ผมมีกลยุทธ์บอกนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เวลาไปรณรงค์กับประชาชน ขอให้ไปสมัครช่วงบ่ายๆ วันสุดท้าย แก้เกมฝ่ายจัดตั้ง มันจะได้เตรียมตัวระดมคนมาสมัครไม่ทัน เป็นวิธีการของประชาชนช่วยกันทำให้การเลือก สว.คราวนี้เป็นการเลือกที่ดีได้ บนหลักการ…
คนสมัคร สว.เยอะ ผลลัพธ์ออกมาดี ผู้เลือกตั้งรู้จักผู้ถูกเลือกให้มากที่สุด
กกต.ยังถูกตั้งคำถามถึงไทม์ไลน์ประกาศผลรับรอง สว.200 คน นายสมชัยบอกว่า ทำไม่ได้ เพราะเป็นไปตามกระบวนการ มีขั้นตอน ทุกอย่างล็อกหมด
“กกต.จะไม่ประกาศได้หรือไม่ ตามกระบวนการเลือกแต่ละระดับต้องมีผลลัพธ์ออกมาในแต่ละรอบ สุดท้ายต้องได้ชื่อกลุ่มอาชีพละ 10 คน
สมมติมีการร้องทั้ง 10 คน ก็ไม่มีปัญหา กกต.ต้องประกาศไปก่อน หลังจากนั้นกระบวนการสอบข้อเท็จจริงก็เกิดขึ้น สอบยาวแค่ไหนก็ไม่ได้มีกำหนดเวลา
ผลสอบออกมาปรากฏกว่าคนนั้นผิด ก็ส่งศาลชี้ขาดให้ใบแดงตาม กกต.หรือไม่ ถ้าชี้ว่าผิด คนคนนั้นพ้นจาก สว. นับแต่วันได้รับเลือก 2 ก.ค. ต้องคืนเงินเดือน เบี้ยต่างๆ
และเลื่อนรายชื่อสำรองขึ้นมา หากมีการทุจริตหลายคน รายชื่อสำรองครบถ้วนหมดสิ้น ก็ให้จำนวน สว.มีเท่าที่มีอยู่ ไม่มีการเลือกใหม่”
ฉะนั้น กกต.ยืดประกาศผลเลือก สว.ไม่ได้
กกต.คงต้องประกาศผลเลือก สว.2 ก.ค.67.
ทีมการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม