เผยแพร่ : 6 พฤษภาคม 2567 เวลา 04:45 น
คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้เพิ่มมาตรการปราบปรามอาชญากรรมที่ใช้สัญญาณโทรคมนาคมของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในพื้นที่บริเวณชายแดนของประเทศ
เมื่อเร็วๆ นี้ หน่วยงานกำกับดูแลได้จัดประชุมเร่งด่วนร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมเอกชน เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดน
นายไตรรัตน์ วิริยะสิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่าหน่วยงานกำกับดูแลที่พบในพื้นที่ชายแดนหลายแห่ง มีกิจกรรมที่อาจนำไปสู่การใช้สัญญาณมือถือจากสถานีฐานของผู้ให้บริการไทยในการก่ออาชญากรรม เช่น การหลอกลวงทางคอลเซ็นเตอร์ หรือการพนันออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย
การกระทำเหล่านี้ได้ทำลายเศรษฐกิจ ความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของประเทศไทย เขากล่าว
ส่วนหนึ่งของมาตรการระยะสั้นเพื่อหยุดยั้งความเสียหาย กสทช. สั่งให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมของไทยถอดหรือปรับทิศทางของสัญญาณมือถือเพื่อจำกัดพื้นที่ให้บริการครอบคลุมประเทศไทยเท่านั้น
ผู้ปฏิบัติงานต้องป้องกันไม่ให้สัญญาณเข้าถึงประเทศเพื่อนบ้าน มิฉะนั้นอาชญากรที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนสามารถใช้สัญญาณเหล่านี้ได้ ผู้ควบคุมกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังต้องติดตามปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตที่สูงผิดปกติใกล้ชายแดนอีกด้วย นายไตรรัตน์ กล่าว
มาตรการเบื้องต้นครอบคลุม 7 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และ อ.แม่สอด จ.ตาก
กสทช. ยังสั่งให้ผู้ปฏิบัติงานรายงานความคืบหน้าในการปฏิบัติตามข้อกำหนดทุก ๆ เจ็ดวัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรไซเบอร์ นายไตรรัตน์ กล่าว
เมื่อวันที่ 1 เมษายน นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน บอกกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้จัดทำผลการปราบปรามการฉ้อโกงทางออนไลน์อย่างเป็นรูปธรรมภายใน 30 วัน
จำนวนการร้องเรียนเรื่องการฉ้อโกงทางออนไลน์ในเดือนเมษายนเพิ่มขึ้นเป็น 992 รายการ จาก 855 รายการในเดือนมีนาคม เนื่องจากมีช่องทางให้เหยื่อยื่นเรื่องร้องเรียนได้มากขึ้น ตามคำกล่าวของนายประเสริฐ จันทรเรืองทอง รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม