“ชูศักดิ์” รองหัวหน้าเพื่อไทย เผย ก.ม.นิรโทษฯ จะรวม 112 หรือไม่ ยังรอพิจารณา ชี้คดี “ทักษิณ” เป็นผลพวงจากรัฐประหาร หากรวม 112 ต้องรวมทุกกรณี ย้ำจุดยืน ม.112 เพื่อไทย ยังเหมือนเดิม
วันที่ 23 พ.ค. 2567 รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในคดีมาตรา 112 ว่า การนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 คณะกรรมการที่ทำเรื่องนี้ยังไม่มีข้อยุติว่าจะนิรโทษฯ หรือไม่ ยังอยู่ในระหว่างการศึกษา ไม่สามารถตอบได้จนกว่าจะมีมติ
แต่โดยส่วนตัวคิดว่าคดีของนายทักษิณ หากย้อนดูประวัติความเป็นมาจะทราบว่า คดีนี้เกิดขึ้นหลังจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 และในปี 2558 มีการไปแจ้งความโดยกองทัพบก ปัญหาคือคดีประเภทนี้เป็นผลพวงจากการรัฐประหารหรือเป็นคดีที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ ท้ายที่สุดต้องดูว่าคดีนี้เข้าข่ายที่คณะกรรมการพิจารณาอยู่หรือไม่ เพราะคณะกรรมการจะมุ่งพิจารณาการกระทำที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ก็ต้องดูว่าคดีของนายทักษิณที่แจ้งความหลังรัฐประหารเป็นคดีทางการเมืองหรือไม่ ก็ต้องคุยกันในคณะอนุกรรมการต่อไป
เมื่อถามว่าในมุมของพรรคเพื่อไทยจะมีผลกระทบหรือข้อครหาหรือไม่หากนิรโทษฯ คดี 112 นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หากกรรมการชุดนี้รวม 112 เข้าไปด้วยก็ต้องรวมทุกคดีไม่เช่นนั้นเหมือนการเลือกปฏิบัติ ซึ่งขณะนี้คณะอนุฯ ก็มีแนวโน้มเสนอให้รวม 112 อยู่ในข่ายนิรโทษฯ ด้วย แต่ยังไม่มีมติ และมีเงื่อนไขจำนวนมาก เช่น ต้องตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบ
ส่วนที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกว่า กรณีนายทักษิณจะทำให้การนิรโทษกรรมคดี 112 ยากขึ้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมาธิการตัดสินใจ แต่ตนคิดว่าไม่กระทบอะไร เพราะหากแยกเรื่องแต่โดนคดีมาตราเดียวกันก็เหมือนการเลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้เมื่อถามถึงจุดยืนมาตรา 112 ของพรรคเพื่อไทยยังเหมือนเดิมอยู่หรือไม่นั้น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีมติอะไรว่าจะหนุนหรือไม่หนุนมาตรา 112 แต่จะนิรโทษฯ ก็ไม่ขัด หรือจะไม่นิรโทษฯ ก็ไม่ขัด และยังไม่มีความเห็นอะไร แต่ตนเข้าใจว่าเราต้องการรับฟังเสียงสะท้อนและความคิดเห็นทั้งหลาย เพราะเราเคยแสดงจุดยืนว่าไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นปัญหาที่สร้างความขัดแย้งเพิ่มเติม