“วราวุธ” สั่งกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) เตรียมยื่นศาลเยาวชนฯสุราษฎร์ธานี พิจารณาไต่สวนฉุกเฉินกรณีน้องไนซ์ เชื่อมจิตอีกครั้ง หลังรอบแรกเป็นการไต่สวนปกติ พร้อมมอบอธิบดี ดย. รับเรื่องจากครอบครัวเด็กหลังแจ้งจะเข้าพบ 4 มิ.ย.นี้ ด้าน “ทนายอนันต์ชัย” มาตามนัด ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดขอให้ตรวจสอบ อจคช.สุราษฎร์ธานี ปฏิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ลัทธิเชื่อมจิตหรือไม่ ยันมีหลักฐานพยานชัด จากนี้ขอให้สังคมเป็นผู้พิจารณา ขณะที่โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดยันตรวจสอบแล้วไม่มีอัยการคนใดเกี่ยวข้อง รวมถึงเป็นสาวกของลัทธิดังกล่าว หาก พมจ.สุราษฎร์ฯขอให้อัยการยื่นคำร้องต่อศาลก็ไม่มีเหตุที่ต้องปฏิเสธ
จากกรณีที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยังไม่สามารถเข้าไป ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 กับน้องไนซ์ ลัทธิเชื่อมจิต ตามที่นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และเครือข่าย เรียกร้องให้มีการตรวจสอบนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พ.ค. นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม.ให้สัมภาษณ์ที่กระทรวง พม.ว่า ล่าสุดได้รับข้อมูลจากนางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ถึงความคืบหน้าภายหลังเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ได้ไปยื่นขอให้ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไต่สวนฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ซึ่งศาลนัดไต่สวนในวันที่ 17 มิ.ย.นั้น เนื่องจากการไต่สวนดังกล่าวศาลพิจารณารับเป็นการไต่สวนปกติ แต่กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเร่งด่วน อยู่ในความสนใจของสังคม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของ พม.ที่อยากจะให้มีการไต่สวนฉุกเฉินเป็นการเร่งด่วน ดังนั้นภายในสัปดาห์นี้ทาง ดย.จะยื่นคำร้องถึงศาลอีกครั้ง เพื่อให้พิจารณาไต่สวนเป็นกรณีฉุกเฉิน
รมว.พม.กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ครอบครัวน้องไนซ์ เชื่อมจิตแจ้งขอเข้าพบตนในวันที่ 4 มิ.ย. นั้น เนื่องจากวันดังกล่าวตรงกับวันเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งแต่ละครั้งที่ประชุม คาดเดาไม่ได้ว่าจะมีวาระเร่งด่วนหรือว่ามีภารกิจผูกพันอย่างไรบ้าง ดังนั้นตนได้มอบหมายให้อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นผู้รับเรื่องดังกล่าวไว้เบื้องต้นและจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ต้องรอดูผลการพิจารณาของศาลด้วย
อีกด้านหนึ่งที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม และคณะ มายื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ให้ตรวจสอบกรณีพบอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายสุราษฎร์ธานี (อจคช.) ไม่ให้ความร่วมมือกับ พม.และไม่ให้คำแนะนำสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในการยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ ในกรณีลัทธิเชื่อมจิต โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายณรงค์ ศรีระสันต์ และนายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด รับมอบหนังสือ
ต่อมานายอนันต์ชัยเปิดเผยว่า การมายื่นหนังสือในวันนี้ เพราะต้องการให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบการทำหน้าที่ของอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายสุราษฎร์ธานี (อจคช.) ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ลัทธิเชื่อมจิตหรือไม่ รวมถึงหลังจากนี้ อัยการจะให้ความช่วยเหลือ พม. ในการตรวจสอบลัทธิเชื่อมจิตหรือไม่ ประชาชนยังจำได้หรือไม่เมื่อครั้งตนเป็นทนายความให้กับเว็บมังกรฟ้า ต้องสู้กับ 3 หน่วยงานรัฐ ซึ่งครั้งนั้น ตนชนะคดี 3 หน่วยงานรัฐในศาลทั้ง 2 ศาล เนื่องจากทั้ง 3 หน่วยงานนั้นไม่มีอัยการเข้าไปช่วย ซึ่งอัยการเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย หากครั้งนั้นมีอัยการเข้าไปช่วย ตนอาจจะไม่ชนะคดี เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน อัยการต้องเข้าไปช่วย ตนได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เด็กเชื่อมจิตคนนี้ เข้าข่ายป่วยเป็นออทิสติกหรือไม่ ข้อสันนิษฐานดังกล่าว ตนได้เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาในที่ประชุมเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และ พม. ร่วมพิจารณาด้วย ถึงแม้ข้อสันนิษฐานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ตนมีหลักฐานที่จะชี้ชัดว่าอาจจะเข้าข่าย เอาเด็กพิเศษบกพร่องทางสติปัญญามาหากิน มาสอนธรรมะ ซึ่งเหตุผลที่ตนเชื่อมั่นว่าเด็กเชื่อมจิต ป่วยเป็นออทิสติก เพราะหลายอาการเหมือนกับลูกชายของตน ที่ป่วยเป็นออทิสติกเหมือนกัน
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กและเยาวชน ปี 2553 ในกรณีที่มีเรื่องความรุนแรงหรือประพฤติกับเด็กไม่ถูกต้องสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนฯ ให้มีมาตรการหรือวิธีการที่จะดูแลเด็กได้ โดยมาตรา 171 ให้ประธานศาลฎีกาสามารถออกข้อบังคับว่าโดยสวัสดิภาพเด็ก มีประเด็นสำคัญกรณีที่มีการกระทำไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเด็ก โดยระบุผู้ที่มีอำนาจยื่นต่อศาลเยาวชนฯ 1.ญาติ 2.พนักงานสอบสวน 3.พนักงานอัยการ 4.เจ้าหน้าที่ 5.องค์กรที่ช่วยเหลือเด็ก กรณีนี้ พมจ.สุราษฎร์ธานีเลือกที่จะเป็นผู้ยื่นคำร้องต่อศาลด้วยตนเอง ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยไม่ได้มีหนังสือถึงพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่อย่างใด ซึ่ง พมจ.สุราษฎร์ธานี อาศัยข้อบังคับประธานศาลฎีกายื่นคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กเอง แทนที่จะส่งให้อัยการยื่น ซึ่ง พมจ.สุราษฎร์ฯ สามารถทำได้และทำถูกต้องแล้ว แต่ถ้ามาขอให้อัยการยื่นให้ เราก็จะยื่น ไม่มีเหตุที่ต้องปฏิเสธ
นายประยุทธกล่าวอีกว่า ล่าสุดทราบว่าทาง พม.ได้ยื่นคำขอคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ก็สามารถยื่นใหม่ได้ แต่ในส่วนคดีหลักยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ให้รอศาล เราจะไม่ก้าวล่วง ยืนยันไม่มีพนักงานอัยการคนใดไปเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อศรัทธาหรือเป็นสาวกของลัทธิเชื่อมจิต รวมถึงไม่มีอัยการรู้จักครอบครัวของเด็กลัทธิเชื่อมจิตดังที่เป็นข่าว ในส่วนที่มีการพาดพิงอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อปรากฏเป็นข่าวก็กระทบภาพลักษณ์ของสำนักงานอัยการสูงสุด ได้สอบถามหาความจริงพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และยังทราบว่าอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายฯ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังเคยให้ข้อแนะนำ พมจ.สุราษฎร์ฯ อยู่เป็นระยะ
ภายหลังโฆษกอัยการสูงสุดได้ชี้แจงเสร็จ นายอนันต์ชัยกล่าวสั้นๆว่า จะไม่โต้แย้งใดๆ แต่ยืนยันว่ากองทัพธรรมมีพยานหลักฐานชัดเจน จากนี้ขอให้สังคมเป็นผู้พิจารณา กองทัพธรรมมีความห่วงใยในสถาบันหลักของชาติ คือ พระพุทธศาสนา ไม่อยากให้ถูกบ่อนทำลาย
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่