ตั้งเป้าสร้างรายได้ 9 พันล้านบาทจากธุรกิจธนาคารต่างประเทศในปีหน้า
ธนาคารกสิกรไทย (กสิกรไทย) ศึกษาธุรกิจบริหารสินทรัพย์ไม่ดีในตลาดเอเชีย สอดคล้องกับปัญหาหนี้เสียที่สูงขึ้นในภูมิภาค เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทยกล่าว
ธนาคารได้รับการติดต่อจากบางฝ่ายในตลาดระดับภูมิภาคเกี่ยวกับการขายสินทรัพย์ที่ไม่ดีจากสถาบันการเงินอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ตามคำกล่าวของรองประธานบริหารของธนาคารกสิกรไทย
เบื้องต้นธนาคารกสิกรไม่ได้ให้ความสำคัญกับตลาดธุรกิจการจัดการสินทรัพย์เสียในภูมิภาคมากนัก สาเหตุหลักมาจากทิศทางที่ไม่ชัดเจนของธุรกิจดังกล่าวในประเทศต่างๆ นายภัทรพงศ์กล่าว
ธุรกิจการจัดการสินทรัพย์ที่ไม่ดีมีหลายรูปแบบ เช่น การขายสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยตรงกับธนาคาร หรือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับธนาคารอื่นเพื่อดำเนินธุรกิจ
ในเวียดนาม ธุรกิจการจัดการสินทรัพย์ที่ไม่ดีของธนาคารต่างประเทศมีการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะที่ธนาคารญี่ปุ่น สินทรัพย์ที่ไม่ดีในภาคการธนาคารของเวียดนามส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรายย่อย
นายภัทรพงศ์กล่าวว่า “มีโอกาสมากขึ้นในพื้นที่ธุรกิจทั่วทั้งภูมิภาคตามหนี้สูญที่สูงขึ้นส่วนใหญ่เนื่องจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ แต่ยังขาดความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางธุรกิจโดยรวมและการแก้ปัญหาหนี้เสียอย่างครอบคลุม” นายภัทรพงศ์กล่าว
หลังจากวิกฤตการณ์ทางการเงินของไทยในปี 2540 ภาคการธนาคารของประเทศได้มีการพัฒนาสินทรัพย์และการบริหารความเสี่ยงที่ไม่ดี โดยเฉพาะการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMCs) ทั้งภาครัฐและเอกชน
ส่งผลให้ประเทศไทยมีทิศทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางธุรกิจและการแก้ปัญหาหนี้เสีย” นายภัทรพงศ์กล่าวเสริม
กัตติยา อินทรวิชัย ผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมการธนาคารของไทยกำลังเผชิญกับแนวโน้ม NPL ที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการระบาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นของภาคการธนาคารในประเทศคาดว่าจะสามารถจัดการได้โดยใช้เครื่องมือหลายอย่าง
ธนาคารกลางได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อบรรเทาสถานการณ์ NPL รวมถึงการออกใบอนุญาตในการจัดตั้ง AMCs ร่วมทุน
ธนาคารกสิกรไทยร่วมกับ JMT Network Services ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน AMC – JK Asset Management – เพื่อจัดการสินทรัพย์ที่ไม่ดีของธนาคาร ธนาคารกสิกรไทยได้เสร็จสิ้นการโอน NPLs มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท ให้กับกิจการร่วมค้านี้
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ธนาคารกสิกรไทยได้เปิดสาขาในนครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ได้อัพเกรดสาขาจากการเป็นสำนักงานตัวแทน
นางสาวคัทติยากล่าวว่าธนาคารกสิกรไทยได้ยื่นขอเปิดสาขาอื่นในกรุงปักกิ่งซึ่งคาดว่าจะเปิดในปีหน้า
ภายใต้ใบอนุญาตสถาบันที่จัดตั้งขึ้นในประเทศในประเทศจีน ปัจจุบันธนาคารมีสาขาสี่แห่งในเฉิงตู เซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง
ธนาคารได้เตรียมที่จะเพิ่มส่วนแบ่งเป็น 67.5% ใน Bank Maspion Indonesia จากระดับปัจจุบันที่ 9.99% กระบวนการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนตุลาคมปีนี้
กสิกรไทยตั้งเป้ารายได้ธุรกิจธนาคารต่างประเทศ 9 หมื่นล้านในปีหน้า คิดเป็น 5% ของรายได้รวมที่ธนาคารคาดการณ์ในปี 2566