ผู้ผลิตจีนแสดงความสนใจที่จะลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทย มูลค่า 1.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รองโฆษกรัฐบาล รัชดา ธนาดิเรก กล่าวเมื่อวันอาทิตย์
ความเห็นของคุณรัชฎามีขึ้นหลังการจัดงานโดยสำนักงานระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) สำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การบินและอวกาศ พลังงาน อาหาร และยานยนต์สมัยใหม่ โดยเฉพาะ EVs
ในช่วงเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้ผลิต EV ของจีนแสดงความสนใจอย่างมากในการลงทุนในประเทศไทย และคาดว่าการลงทุนจะมีมูลค่ากว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทยภายใต้นโยบาย 30/30 ภายใต้นโยบาย ภายในปี 2573 การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยจะต้องมีสัดส่วน 30% ของรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตในประเทศ
การเข้ามาของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนจะช่วยเพิ่มความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคอาเซียน เธอกล่าว
ตัวเลขของกระทรวงอุตสาหกรรมระบุว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 31,000 คันได้รับการจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งมากกว่าจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่จดทะเบียนในปี 2565 ถึง 3 เท่า
จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) บริษัท GSC Aion New Energy Automobile ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่อันดับ 3 ของจีนตกลงที่จะใช้เงินลงทุนระยะแรกในประเทศไทยจำนวน 6,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัท Svolt Energy Technology (Thailand) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV ของจีนในประเทศไทยได้ตั้งประเทศไทยเป็นฐานการผลิตแห่งแรกในภูมิภาคอาเซียนด้วยเงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ด้วยประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต แบตเตอรี่ EV จะถูกส่งออกไปยังอินโดนีเซียและเวียดนามต่อไป
“รัฐบาลยังคงส่งเสริมการลงทุนใน EEC และเขตเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม EV เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิต EV โดย BOI ได้ให้สิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนจากทั่ว โลก” น.ส.รัชดา กล่าว