สถานะทางการเงินของประเทศถือว่ามีเสถียรภาพ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนกรานว่าสถานะทางการเงินของไทยยังคงมีเสถียรภาพและแข็งแกร่ง ต้องขอบคุณนโยบายการเงินและการคลังที่รอบคอบและมีระเบียบวินัย สะท้อนจากความสนใจของชาวต่างชาติในการลงทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้น
“ขณะนี้มีนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากจากหลายประเทศทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่สนใจลงทุนในประเทศไทย” นายกรัฐมนตรีกล่าว พร้อมระบุว่าเป็นสัญญาณที่ส่งเสริมแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศ โดยคาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้น 3.3% ในปีนี้และ 4.2 % ในปี 2566
“การบริโภคและกำลังซื้อส่วนตัวของผู้มีรายได้สูงกำลังฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลัง โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัว” เขากล่าว พร้อมเสริมว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติคาดว่าจะสูงถึง 6 ล้านคนในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก ก่อนหน้านี้ประมาณ 5.6 ล้าน
ในปี 2566 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 19 ล้านคน
“มีการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศ อย่างไรก็ตาม เรายังต้องติดตามผลกระทบของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในภาคการส่งออกและนำเข้าอย่างใกล้ชิด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โฆษกรัฐบาล ธนากร วังบุญคงชนะ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ประเทศไทยบันทึกนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3.12 ล้านคน ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 26 ก.ค. เนื่องจากภาคการท่องเที่ยวที่สำคัญฟื้นตัวขึ้นหลังจากการผ่อนคลายข้อจำกัดด้านโรคระบาดอย่างค่อยเป็นค่อยไป
นายธนากร เปิดเผยว่า มีนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย 76,739 คน
นายกรัฐมนตรียังเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือบริษัทเอกชน ให้ติดตามสถานการณ์ทางการเงินและการคลังภายนอกที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของตนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังคงโชคดีที่การส่งออกของไทยยังคงแข็งแกร่ง และคาดว่าจะรักษาโมเมนตัมการเติบโตไว้ได้จนถึงปีหน้า แม้จะมีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีนและอัตราเงินเฟ้อโลกที่เพิ่มสูงขึ้นอันเป็นผลจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ในเดือนพฤษภาคมว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 7.3% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4.9% ในการประมาณการครั้งก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ โดยคาดว่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้น 10.9% เพิ่มขึ้น จาก 5.9% ในการประมาณการครั้งก่อน
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในช่วง 4.2–5.2% เพิ่มขึ้นจาก 1.5-2.5% ในการพยากรณ์ครั้งก่อน
อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม หน่วยงานวางแผนของรัฐได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ลงเหลือ 2.5-3.5% สำหรับปีนี้ ลดลงจากที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 3.5-4.5% ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยอ้างแรงกดดันจากเงินเฟ้อ ราคาพลังงาน การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และ สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่
พล.อ.ประยุทธ์ยังให้คำมั่นจะแก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาสที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียง
ในการพัฒนาที่เกี่ยวข้อง คณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารอนุมัติ 1.25 พันล้านบาทเพื่อสนับสนุนโครงการชุมชน DIPROM เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจระดับรากหญ้าและเพิ่มรายได้เสริมให้กับคนในชนบท
โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในจังหวัดและพัฒนาทักษะวิชาชีพให้กับคนในท้องถิ่น โดยเน้นที่ทักษะและบริการขั้นพื้นฐานสำหรับวิชาชีพ เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างตัดผม ช่างยนต์ และศิลปหัตถกรรม