บัญชีม้ายังเป็นเครื่องมือสำคัญของมิจฉาชีพออนไลน์หลังตำรวจพยายามเสนอกฎหมายจนคลอดออกมาเป็น พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทาง เทคโนโลยีเมื่อปี 2566
โทษหนักจำคุกถึง 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ!
หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมั่นใจขึ้นว่า กลุ่มแก๊งมิจฉาชีพที่ใช้บัญชีของคนอื่นโอนเงินไปมาอย่างสะดวกสบาย น่าจะน้อยลง เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีกฎหมายเฉพาะ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปได้ยาก
แต่เรื่องราวกลับตาลปัตร มีผู้ยินยอมเปิดบัญชีธนาคารขายให้กลุ่มแก๊งเหล่านี้ สนนราคาสุดถูกแค่หลักร้อยหลักพันบาท
ทำเอาถูกจับกุมเข้าซังเตไม่เว้นแต่ละวัน!
กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ ไปจนถึงฟอกเงิน ยังก่อเหตุได้สะดวกโยธิน ด้วยความที่คนไม่รู้ว่า โทษหนักรออยู่?
ช่วงหลังพอโดนจับเยอะ ถูกขยายความว่าเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่มีเงินโอนผ่านบัญชีหลักร้อยหลักพันล้าน!
หลายคนเริ่มสำนึก ไม่อยากเสี่ยงคุกตะรางกับเศษเงิน ราคาบัญชีม้าเริ่มสูงขึ้นเป็นหลักหลายพันบาท ปัจจุบันถึงหลักหมื่น!
ทำเอาบางคนเปลี่ยนใจ ยอมเอาตัวเข้าแลก แหย่เท้าเข้าคุกไปครึ่งตั้งแต่ยอมเปิดบัญชีให้แก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ก็ยอม
เมื่อวานเขียนถึงเรื่อง กสทช.ประชุมจัดระเบียบการตรวจสอบบัญชีธนาคารกับผู้ใช้โมบายแบงกิ้ง ให้ชื่อผู้ใช้และเจ้าของบัญชีตรงกัน เพราะ ปปง.ตรวจสอบพบบัญชีเสี่ยงเข้าข่ายบัญชีม้ากว่าแสนบัญชี!
หวังว่าบัญชีผีบัญชีม้าที่ใช้ก่ออาชญากรรมจะลดลง?
ดูแล้วเรื่องนี้เหมือนหนังชีวิต คงต้องดูกันนานๆ.
สหบาท
คลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม