การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) สำหรับ “การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการท่องเที่ยวอัจฉริยะ” ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนวัตกรรมผ่านเครือข่าย 5G
วันนี้ นพินทร ศรีสุนทรางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง ททท. นำโดย ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. และบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด นำโดย อาเบล เติ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และร่วมเป็นสักขีพยานโดยรองประธาน Huawei Asia Pacific Jun Zhang บันทึกความเข้าใจนี้จะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงจาก Huawei ซึ่งรวมถึง 5G, Cloud, AI และ AR/VR เพื่อพัฒนา Smart Digital Tourism Platform และระบบนิเวศการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่
“ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทย (พ.ศ. 2561-2580) การท่องเที่ยวจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เนื่องจากเราตั้งเป้าที่จะยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเพิ่มข้อได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด การนำเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผมยินดีที่ Huawei Technologies (Thailand) Co., Ltd. จะใช้โอกาสนี้ช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของไทยผ่านการสนับสนุนเทคโนโลยี 5G โดยนำแอพพลิเคชั่น มัลติมีเดีย และบริการใหม่ๆ ที่ออกมาจากอนาคตของเครือข่ายความเร็วสูงเพื่อส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าที่จะขยายตลาดการท่องเที่ยวและส่งมอบ ‘การเดินทางที่มีความหมาย’ ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติตระหนักถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย” นายนพินทร กล่าว
“ในฐานะหน่วยงานหลักของรัฐบาลที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยภายใต้แผนวิสาหกิจของททท. ปี 2566-2570 – ‘ททท. เป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การท่องเที่ยวที่เน้นประสบการณ์และยั่งยืน’ – เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสามารถและศักยภาพเชิงนวัตกรรมในการขับเคลื่อน ระบบนิเวศน์การท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้เรายังได้พัฒนาซัพพลายเชน (Shape supply) และกำลังขับเคลื่อนกลยุทธ์ ‘Thrive for Excellence’ โดยมีเป้าหมายในการเป็น ‘Data Driven Organization’” นายยุทธศักดิ์ ผู้ว่าการททท. กล่าว
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวด้วยเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและส่งเสริมตลาดเชิงกลยุทธ์ – ทั้งในตลาดการท่องเที่ยวในประเทศและจีน – ททท. และ Huawei Technologies (Thailand) Co. , Ltd. ลงนามในบันทึกความเข้าใจสำหรับ “การเปลี่ยนแปลงดิจิทัลและการพัฒนานวัตกรรมสำหรับการท่องเที่ยวอัจฉริยะ” ” ซึ่งจะมีผลใช้บังคับเป็นเวลา 1 ปี นับแต่วันที่ลงนาม ความร่วมมือนี้จะสร้างเครือข่ายพันธมิตรดิจิทัลที่ช่วยให้สามารถแลกเปลี่ยนทักษะและความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยยกระดับเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น 5G, Cloud, AI และ AR/VR สำหรับการท่องเที่ยว ซึ่งจะขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ททท. และ Huawei กำลังเตรียมดำเนินโครงการ ‘Amazing THAILAND is just a phone call Away’ โดย ททท. จะสร้าง ‘Video Ring back Tone’ วีดิโอรอสาย นำเสนอความงามสถานที่ท่องเที่ยววัฒนธรรมไทย อาหารและประเพณีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยในระดับสากลผ่านผู้ใช้ 5G ของไทยโดยใช้ 5G ของ Huawei รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรของ Huawei ผู้ใช้จะสามารถดาวน์โหลดวิดีโอและรูปภาพได้ฟรี
นายอาเบลกล่าวว่าเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังพลิกโฉมโลก และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้เข้าสู่ยุคทอง เมื่อมองไปสู่อนาคต หัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มตำแหน่งของททท. ในฐานะผู้นำเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก
นอกจากนี้ ทั้งสององค์กรยังได้ร่วมกันนำนวัตกรรมเทคโนโลยี 5G มาใช้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวของไทยผ่านการถ่ายทอดสดโดยเน้นมุมมองที่น่าทึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยแบบเรียลไทม์บนเครือข่าย 5G ของ HUAWEI ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ของ ททท. รวมถึง YouTube ‘Amazing Thailand’ ช่องทางและแอปพลิเคชั่น ‘Amazing Thailand’ ตลอดจนผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ ของพันธมิตรเชิงกลยุทธ์
ในฐานะส่วนหนึ่งขององค์กร ททท. จะเป็นเจ้าภาพจัดทัศนศึกษาสำหรับผู้เข้าแข่งขันรุ่นเยาว์จากโปรแกรม ‘เมล็ดพันธุ์เพื่ออนาคต’ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามและวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของหัวเว่ย งาน Seeds for the Future ซึ่งจะรวบรวมนักเรียนชั้นนำ 114 คนจาก 15 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำหรับค่ายดิจิทัล 9 วันในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. ถึง 27 ส.ค.
Seeds for the Future เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2551 และภายในสิ้นปี พ.ศ. 2564 โปรแกรมดังกล่าวได้ดำเนินการใน 150 ประเทศและภูมิภาค โดยเข้าถึงนักศึกษา 12,000 คนจากมหาวิทยาลัยมากกว่า 500 แห่ง ด้วยโปรแกรมนี้ ททท. ตั้งเป้าที่จะมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่มีความหมายและน่าจดจำยิ่งขึ้นในช่วงงานระดับภูมิภาคในปีนี้


