ระดับที่สูงขึ้นอาจนำไปสู่การดาวน์เกรด
ผู้หญิงคนหนึ่งแสดงกระดาษที่สนับสนุนโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลของรัฐบาล เงินทุนสำหรับโครงการนี้คาดว่าจะมีมูลค่า 500 พันล้านบาท สมชาย พูลหลาด
อัตราส่วนภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ของรัฐบาลโดยประมาณคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 11% ในปีหน้าจาก 8% ในปี 2567 หากรัฐบาลดำเนินการแจกกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เป็นเรือธง
ตามแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังที่ขอไม่เปิดเผยตัวตน อัตราส่วนสภาพคล่องอยู่ที่ 8% ซึ่งสอดคล้องกับการจัดอันดับ A ตามมาตรฐานของหน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หากอัตราส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 11% ตามที่คาดไว้ ก็จะปรับลดอันดับเครดิตลงเป็น BBB+ ซึ่งเทียบเท่ากับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศในปัจจุบัน
แหล่งข่าวกล่าวว่าในปี 2562 อัตราส่วนภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ภาครัฐค่อนข้างต่ำที่ 6% เนื่องจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะบริหารจัดการต้นทุนการกู้ยืมได้อย่างมีประสิทธิผล
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ในปี 2563-2564 รัฐบาลได้ออกพระราชกำหนดฉุกเฉิน 2 ฉบับ เพื่อกู้ยืมเงินรวมไม่เกิน 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้อัตราส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 8% ซึ่งใกล้เคียงกับเพดานกรอบการบริหารของรัฐบาลที่ 10%
รัฐบาลชุดปัจจุบันวางแผนที่จะใช้เงินทุนจากงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2567 และ 2568 ซึ่งรวมถึงเงินทุนจากมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติวินัยการคลังและการเงินของรัฐ สำหรับโครงการกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบาท
รัฐบาลยังได้ตัดสินใจเพิ่มการขาดดุลงบประมาณปีงบประมาณ 2568 อีก 152 พันล้านบาท ผลักดันการกู้ยืมของรัฐเพื่อชดเชยการขาดดุลในปีนั้นเป็น 865 พันล้านบาท หรือ 4.42% ของ GDP
การขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นในปี 2568 จะทำให้ภาระดอกเบี้ยของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็น 11% ในปีนั้นจาก 8% แหล่งข่าวกล่าว
การบริหารหนี้สาธารณะของรัฐบาลโดยรวมถือว่าอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินที่กำหนดโดยคณะกรรมการวินัยการคลังและการคลังของรัฐ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งกำหนดอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ของรัฐบาลไม่ควรเกิน 35%
ณ เดือนกันยายน 2023 อัตราส่วนอยู่ที่ 26%
อัตราส่วนหนี้สกุลเงินต่างประเทศต่อหนี้สาธารณะทั้งหมดไม่ควรเกิน 10% และ ณ เดือนกันยายน 2566 อัตราส่วนอยู่ที่ 1.4%
นอกจากนี้ อัตราส่วนหนี้สกุลเงินต่างประเทศต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการไม่ควรเกิน 5% และ ณ เดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 0.05%
ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2567 หนี้สาธารณะมีจำนวน 11.3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 62.5% ของ GDP
ตามแผนงบประมาณระยะกลางฉบับแก้ไขที่เผยแพร่ในเดือนมกราคม สัดส่วนงบประมาณการชำระหนี้ของรัฐบาลต่องบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีอัตราอยู่ที่ 10.5% สำหรับปีงบประมาณ 2566, 11.0% สำหรับปีงบประมาณ 2567 และคาดว่าจะ ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 13.3% ภายในปี 2571