“กรมราชทัณฑ์” แจงเหตุ “บุ้ง” เสียชีวิต ยันดูแลอย่างดี-พร้อมไล่เรียงไทม์ไลน์ เผยนาทีวูบคุยอยู่กับ “ตะวัน” ส่วนสาเหตุการตาย ขอรอผลชันสูตรก่อนสรุปชัดเจนชี้แจงอีกครั้ง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 พ.ค. 67 ที่กรมราชทัณฑ์ นายแพทย์สมภพ สังคุตแก้ว ผู้ตรวจราชการกรม นางอาจารี ศรีสุนาครัว ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง และ นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการเสียชีวิต น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง
โดย นพ.สมภพ สังคุตแก้ว ผู้ตรวจราชการกรม กล่าวว่า ในนามของรัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ส่วนกรณีการเสียชีวิตอยู่ระหว่างการชันสูตรศพ และถ้าผลชันสูตรออกมาแล้วจะชี้แจงตามขั้นตอนอีกครั้ง
นพ.สมภพ กล่าวต่อว่า สำหรับไทม์ไลน์การดูแล น.ส.เนติพร กรมราชทัณฑ์รับตัวมาควบคุมตัววันที่ 26 ม.ค. 67 ซึ่งขณะนั้นได้เริ่มอดอาหารแล้ว แต่กรมราชทัณฑ์มีการเฝ้าระวังดูแลอย่างใกล้ชิด เมื่ออ่อนเพลียก็จะพาไปรักษาที่รพ.ราชทัณฑ์ เป็นประจำ โดยช่วงแรกเมื่อ 29 ก.พ. 67 และเข้ารับรักษา ที่ รพ.ราชทัณฑ์ 8 วัน จากอาการอ่อนเพลีย จากนั้นพบว่ามีอาการอ่อนเพลีย จึงนำตัวรักษา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ 27 วัน ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. – 4 เม.ย. 67 โดยช่วงวันที่ 4 เม.ย. 67 แพทย์ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ทำหนังสือส่งตัวกลับมารักษาที่ทัณฑสถาน พบว่าหลังจากกลับมา น.ส.เนติพร กินอาหารได้บ้างตามลำดับ และเข้าพักห้องผู้ป่วยรวม และมี น.ส.ทานตะวัน เพื่อนสนิทรวมอยู่ด้วย ยังพบว่ารู้สึกตัวดี ไม่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
นพ.สมภพ กล่าวต่อว่า กระทั่งเช้าวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา เวลา 06.00 น. น.ส.เนติพร เกิดอาการวูบและหมดสติ ขณะกำลังพูดคุยกับ น.ส.ทานตะวัน ตามปกติ และช่วยเหลือกระตุ้นหัวใจโดยทันที และส่งตัวไปรักษา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ทางเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือด้วยการกระตุ้นหัวใจ และทำซีพีอาร์ต่อเนื่องจนถึง รพ.ธรรมศาสตร์ฯ และเสียชีวิตในเวลา 11.22 น.
ด้าน นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ ผอ.ทัณฑสถานโรงพยาบาล กล่าวว่า ในแต่ละวันจะมีการบันทึกการรักษาไว้อย่างต่อเนื่อง และอาการลักษณะอ่อนเพลีย ทานอาหารได้ตามลำดับ กินข้าวต้มและไข่เขียวได้ โดยค่อยเริ่มกินหลังจากกลับมาจาก รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา คนที่อดอาหารมาจะต้องค่อยๆ เริ่มกินอาหารอ่อนก่อน เพราะระบบทางเดินอาหารยังต้องปรับ และทางโรงพยาบาลมีการจัดอาหารทั้ง 3 มื้อ แต่มีการทำบันทึกต่อเนื่องจะกินมากกินน้อย หรือที่ตรวจพบว่ามีภาวะโลหิตจาง ก็ให้ยาบำรุงเลือด ทั้งนี้ทางแพทย์ได้ย้ำเตือนถึงความสำคัญของพวกเกลือแร่ และอาจจะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ ซึ่ง น.ส.เนติพร ก็รับทราบแต่แสดงเจตจำนงไม่รับวิตามิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประเมินภาวะฉุกเฉินก่อนพาไปรักษา ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ อย่างไร นพ.พงศ์ภัค ยืนยันว่า มีการปฏิบัติสำหรับกลุ่มผู้อดอาหาร ตั้งแต่แจ้งความจำนงมา เช่น ตั้งแต่การตรวจร่างกายทันที สำหรับผู้ต้องขังเข้ามาใหม่ และมีทีมนักจิตวิทยาประเมินและให้เปลี่ยนแนวคิดในการอดอาหาร แต่ถ้าเขาไม่เปลี่ยนใจก็จะมีการรักษา และประเมินสถานะทุกๆ วันในกลุ่มผู้ต้องขังและแยก ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตนั้น ขอให้รอผลชันสูตรก่อน ถึงจะสรุปได้ชัดเจน