รมว.เผยเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านแอป Tang Rat ของรัฐแล้ว
เผยแพร่ : 4 ก.ค. 2567 เวลา 20:42 น.
![โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลจะกำหนดให้คนไทยต้องยืนยันตัวตนโดยใช้แอป Tang Rat (ภาพ: 123RF)](https://static.bangkokpost.com/media/content/20240704/c1_2823211.jpg)
โครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลจะกำหนดให้คนไทยต้องยืนยันตัวตนโดยใช้แอป Tang Rat (ภาพ: 123RF)
คนไทยจะต้องตรวจสอบและพิสูจน์ตัวตน ซึ่งเรียกว่าขั้นตอนการรู้จักลูกค้า (KYC) สำหรับโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลผ่านซูเปอร์แอป Tang Rat ที่พัฒนาขึ้นโดยรัฐ
โดย นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของรัฐ จะเปิดให้คนไทยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ล่วงหน้า
เขาเสริมว่าแอปดังกล่าวควรช่วยทำให้ขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนมีความเหลื่อมซ้อนกัน และยังสามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ประมาณ 15 ล้านคน
Tang Rat ผสมผสานบริการจากหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดบนแพลตฟอร์มดิจิทัล
“ใครสนใจลงทะเบียนก็สามารถทำได้ทันที ผมมอบหมายให้บางองค์กรดำเนินการลงทะเบียน เนื่องจากเราตั้งเป้าว่าจะเคลียร์คนให้ได้ประมาณ 15 ล้านคนก่อน” นายจุลพันธ์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี
“เราจะนำประชาชนมาลงทะเบียนล่วงหน้าแม้ว่าระบบจะยังไม่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบก็ตาม
“เมื่อถึงเวลาที่ระบบเปิดใช้งาน เราน่าจะมีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 10 ล้านคนแล้ว หากเราอนุญาตให้มีผู้ลงทะเบียน 50 ล้านคนในวันเดียวกัน ระบบใดก็ไม่สามารถจัดการได้ มีผู้ลงทะเบียนผ่าน Tang Rat ไปแล้วหลายล้านคน”
นายจุลพันธ์ ไม่ยอมระบุวันจดทะเบียนอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าจะมีการประกาศให้ทราบที่ทำเนียบรัฐบาลในภายหลัง
กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นโครงการเรือธงของรัฐบาล นำโดยพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยโครงการดังกล่าวจะใช้งบประมาณ 5 แสนล้านบาท แจกคนละ 1 หมื่นบาท ให้กับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป คาดว่าจะมีผู้มีสิทธิ์ประมาณ 50 ล้านคน
เดิมทีกำหนดว่าจะเริ่มแจกเอกสารในเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นเลื่อนไปเป็นเดือนพฤษภาคม แต่เนื่องจากยังคงมีคำถามเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน รวมถึงความพร้อมของระบบออนไลน์ จึงเลื่อนการแจกเอกสารออกไปเป็นไตรมาสที่สี่ของปี
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ระบบการตั้งถิ่นฐานของโครงการยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล แต่เขาแสดงความเชื่อมั่นว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา
ผู้ที่จะมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการนี้ได้ ต้องเป็นพลเมืองไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป และมีรายได้ (ตามหลักฐานการยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) ไม่เกิน 70,000 บาทต่อเดือน หรือ 840,000 บาทต่อปี
ผู้ที่ได้รับเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัลสามารถใช้จ่ายเงินภายในเขตพื้นที่ของตนตามบัตรประชาชน
ร้านค้าที่สามารถใช้เงินได้จะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงร้านสะดวกซื้อและร้านขนาดเล็กกว่า อย่างไรก็ตาม ร้านค้าที่รับเงินดิจิทัลสามารถใช้เงินได้นอกเขตพื้นที่หรือที่อื่นๆ
สินค้าที่ไม่สามารถซื้อด้วยเงินดิจิทัลได้ ได้แก่ บริการและสินค้านำเข้า เช่น โทรศัพท์มือถือ