“จุลพันธ์” ขออย่าเต้นตามข่าวยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 12 ธ.ค. ชี้ ยังไม่มีข้อสรุป “สรวงศ์” ลั่น ไม่เคยเห็นใครยุบสภาหนี ขอดูช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด ส่วน ปชน. ร่วมหรือไม่ ไม่ก้าวล่วง
วันที่ 6 ธันวาคม 2568 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ว่า อย่าเต้นตามข่าวเลย เรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุป เมื่อถามว่าหากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นช่วงเวลาใด นายจุลพันธ์ ตอบว่า ต่อให้รู้ก็บอกไม่ได้ ซึ่งกระแสข่าวที่ออกมานั้นตนยังไม่เห็น ส่วนที่จะมีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ก่อนการเปิดสมัยประชุมรัฐสภา เรื่องดังกล่าวคงจะมีการคุยกันในที่ประชุมเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติ ต้องถามความเห็น แต่การดำเนินการอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค หัวหน้าพรรค ย้ำว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุป
ทางด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่ากรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ได้ประชุมกันอย่างไม่เป็นทางการเพื่อเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกัน เราพร้อมยื่นอภิปรายแต่กำลังดูช่วงเวลา เพราะไม่อยากเป็นแพะว่าอภิปรายแล้วทำให้แก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการเยียวยาอุทกภัยภาคใต้ไม่สำเร็จ จึงต้องดูช่วงเวลาที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด เพราะเขาขู่ฟอดๆ ว่าถ้าเรายื่นก็จะยุบสภาฯ ถ้าจะยุบก็ยุบเราไม่ได้กลัว เพราะเราทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะยื่นเมื่อไหร่ เพราะเราอยากให้รัฐบาลได้แก้ไขและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ให้เต็มที่
นายสรวงศ์ เผยต่อไปว่า เป็นคนละเรื่องกับการตรวจสอบ เพราะการที่รัฐบาลบริหารบ้านเมืองแล้วมีพี่น้องประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก หากฝ่ายค้านไม่ยื่นอภิปรายนั่นคือเรื่องแปลก ในฐานะฝ่ายค้านเราไม่สามารถให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศต่อไปได้แม้แต่วันเดียว เพราะขณะนี้ประเทศเกิดความเสียหายขึ้นมาแล้ว และทุกครั้งที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ยังไม่เคยเห็นใครยุบสภาฯ หนี หากยืนยันที่จะทำการยุบสภาฯ นั่นคือเพราะไม่อยากให้ถูกตรวจสอบ คุณได้เป็นนายกรัฐมนตรีมีเสียงสนับสนุนถึง 311 เสียง ถ้าคิดว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ควรจะไปโน้มน้าวคนที่โหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีสนับสนุนต่อ ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วก็มาขู่ว่าถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะยุบสภาฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีคะแนนเสียงเพียง 141 เสียง พวกตนก็ไม่สามารถที่จะล้มรัฐบาลได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคประชาชน
ในคำถามว่าเมื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว มองพรรคประชาชนจะร่วมลงมติไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ นายสรวงศ์ ระบุว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเลย เขาจะลงมติอย่างไรตนไม่ก้าวล่วง เพราะเป็นมติของพรรคประชาชน แต่ทางพรรคเพื่อไทยพร้อม และที่ได้ยินมาทางพรรคประชาธิปัตย์และพรรคประชาชาติก็จะร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย ซึ่งการทำหน้าที่ฝ่ายค้านก็ต้องใช้อำนาจหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่จะมาปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปโดยจะมากลัวนั่นกลัวนี่ กลัวยุบสภาฯ มันไม่มีใครกลัวใครหรอก แต่เราต้องคำนึงถึงประเทศชาติว่าเสียหายอย่างไร
เมื่อถามต่อไปว่ามี สส.บางกลุ่มไม่เห็นด้วย เพราะเกรงจะกระทบกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสรวงศ์ เผยว่า คำที่บอกว่าไม่เห็นด้วย เขาอาจจะมองว่าหากยื่นไปแล้วอาจจะถูกกล่าวหาว่าไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือถูกกล่าวหาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จเป็นเพราะพรรคเพื่อไทย แต่ยืนยันว่าภายในพรรคไม่มีคนเห็นแย้งและเสียงภายในพรรคไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีเสียงแตกว่าจะยื่นหรือไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ การที่มีคนมาตั้งคำถามว่าจะยื่นไม่ไว้วางใจทำไมเพราะอีก 1 เดือน ก็จะมีการยุบสภาฯ แล้ว แต่อีก 1 เดือนนั้นรัฐบาลอาจจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศอย่างมหาศาล ดังนั้น พวกตนจึงไม่สามารถปล่อยไปได้
“พร้อมพงศ์” แนะ ปชน. ใช้เวทีซักฟอก ไม่ใช่เล่นแต่โซเชียล
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงการให้สัมภาษณ์ นายพริษฐ์ วัชนสินธุ โฆษกพรรคประชาชน แสดงท่าทีการที่จะไม่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยอ้างถึงกลไกต่างๆ ที่สามารถใช้ตรวจสอบรัฐบาลได้ และเหมือนจะให้น้ำหนักไปที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2-3 มากกว่านั้น ว่า ไม่ค่อยสบายใจ ผู้นำฝ่ายค้านที่เคยตรวจสอบเข้มแข็งกลับจะไม่ทำหน้าที่ในสภาฯ โดยตรง กลัวว่าหากยื่นอภิปรายนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาฯ ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญค้างเติ่งหรือไม่ ที่ผ่านมาจึงทำหน้าที่กองหนุน กองเชียร์ ฝ่ายค้ำ มากกว่าฝ่ายค้าน
การตรวจสอบรัฐมนตรี สส.ฝ่ายรัฐบาล กรณีล่าสุดเครือข่ายทุนนอกสีเทามาโยงใยบุคคลมีชื่อเสียงในเมืองไทยหลายคนรวมไปถึง นายอนุทิน ทำไมไม่ใช้โอกาสอันดีนี้ตีเหล็กเมื่อร้อน การที่นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน และ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ขยายข้อมูลในโลกโซเชียลกระทุ้งอย่างนี้เขาจะปลดให้อย่างนั้นหรือ กลไกที่มันปลดได้คือยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาฯ ของพรรคร่วมฝ่ายค้านโหวตคว่ำ เรื่องมันแค่นั้นเอง ไม่เข้าใจการแสดงความเห็นกับการแสดงออกของพรรคประชาชน ตรรกะทำไมย้อนแย้งกันเหลือเกิน ผู้นำฝ่ายค้านต้องซัดเต็มไมล์ใส่เต็มแม็กซ์ ไม่ใช่เต็มไปด้วยข้ออ้างเสมือนทำหน้าที่เป็นฝ่ายปกป้อง จนโลกโซเชียล แฟนคลับสีส้ม ชักจะทนไม่ไหว ติติงให้เลิกเป็นไม้ค้ำให้กับรัฐบาลอนุทินได้แล้ว เพราะไม่อย่างนั้น การเลือกตั้ง 2569 จะถูกประชาชนลงโทษคาหีบเลือกตั้งแน่นอน.





