หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อม สส. และว่าที่ผู้สมัคร สส. ลุยลำพูน ประกาศนโยบายไร้จน-ปลดหนี้ เร่งดัน พ.ร.บ.ลำไย และ พ.ร.บ.อสม. ให้จบก่อนยุบสภา ลั่นพร้อมเลือกตั้ง ไม่มีพรรคใดมีผลงานเชิงประจักษ์เท่า
วันที่ 6 ธันวาคม 2568 พรรคเพื่อไทยนำโดย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ สส.เชียงใหม่ พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรค นางสาวประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย และรองโฆษกพรรค นายรังสรรค์ มณีรัตน์ สส.ลำพูน และนายชัยณรงค์ ภู่พิสิฐ ผู้เสนอตัวลงสมัคร สส.ลำพูน เขต 1 พบพี่น้องประชาชนกว่า 3,000 คน ทั้งเกษตรกรผู้ปลูกลำไย และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จาก 9 ตำบลในอำเภอป่าซาง ที่เทศบาลตำบลม่วงน้อย อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ซึ่งประชาชนสะท้อนปัญหาราคาลำไยตกต่ำ โดยมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งอุดหนุนไร่ละ 1,400 บาท รวมถึงค่าตัดแต่งทรงพุ่ม/ช่อดอก และค่าปุ๋ยรวม 1,400 บาท ล่าช้า ไม่ตอบโจทย์ จึงเรียกร้องให้พรรคเพื่อไทยช่วยแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
นายจุลพันธ์ ปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องลำพูน ผลงานสำคัญของนายรังสรรค์ คือการผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย ซึ่งผ่านสภาผู้แทนราษฎรแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน ขณะนี้รอการพิจารณาของวุฒิสภา หากประกาศใช้ได้จริงจะเป็นกฎหมายแรกที่ช่วยสร้างสวัสดิการ กองทุน หลักประกันราคาผลผลิตให้เกษตรกรลำไยทั่วประเทศ นี่คือกฎหมายที่พรรคเพื่อไทยทำเพื่อชาวสวนลำไยอย่างแท้จริง
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังได้ประกาศนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินเรื้อรัง โดยเฉพาะหนี้ที่พอกพูนหลังรัฐประหาร ว่า พรรคเพื่อไทยมีมาตรการปลดหนี้ให้ประชาชน เช่น กรณีมีหนี้ 100,000 บาท ให้ปิดบัญชีแบบเหมาจ่ายเพียง 10,000 บาท พร้อมมาตรการปลดหนี้ผู้สูงอายุที่ทำงานหนักทั้งชีวิตแต่ยังมีภาระหนี้ติดตัว สำหรับผู้มีรายได้น้อยพรรคเพื่อไทยเตรียมเดินหน้านโยบายไร้จน อุดหนุนรายได้ให้ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ควบคู่กับการยกระดับราคาพืชผลเกษตรและสร้างรายได้แบบก้าวหน้า
“พรรคเพื่อไทยไม่กลัวยุบสภา และพร้อมเลือกตั้งทันที เราจะอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเต็มที่ และพร้อมให้ประชาชนตัดสินใจในคูหาเลือกตั้ง”
ทางด้าน นายสมศักดิ์ ปราศรัยถึงบทบาทของ อสม. ว่า พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับสวัสดิการ อสม. มาโดยตลอด ทั้งการขึ้นค่าป่วยการเป็น 2,000 บาทต่อเดือน ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมตกเบิกย้อนหลัง ขณะนี้พรรคเพื่อไทยยังผลักดัน พ.ร.บ.อสม. ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว อยู่ระหว่างพิจารณาของรัฐสภา โดยจะเพิ่มสวัสดิการ อาทิ ค่าป่วยการ 2,000 บาทต่อเดือน, ขยายอายุแรกเข้าสมาชิกจนถึง 65 ปี, สิทธิรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลสังกัด สธ., เพิ่มงบตรวจสุขภาพ, เงินฌาปนกิจ 1,000,000 บาท
พร้อมรณรงค์ให้ความรู้เรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพสำคัญของคนไทย เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง เน้นย้ำบทบาทสำคัญของ อสม. ในการดูแลสุขภาพประชาชนอีกด้วย ซึ่งพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ถ้าได้รับความไว้วางใจจะเดินหน้าทุกนโยบายเพื่อแก้ปัญหาเกษตรกร ลดหนี้ เพิ่มสวัสดิการ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
ต่อมาที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อำเภอเมืองลำพูน นายจุลพันธ์ นำคณะลงพื้นที่พบประชาชนอำเภอบ้านธิ และอำเภอเมือง ก่อนจะกล่าวว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนไทยสูงถึง 90% พรรคเพื่อไทยพร้อมเดินหน้าแก้หนี้ทั้งระบบ ทั้งหนี้ประชาชน หนี้เกษตรกร และหนี้ผู้สูงอายุ พร้อมย้ำว่าไม่มีพรรคใดมีผลงานเชิงประจักษ์เท่าพรรคเพื่อไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ การแก้ปัญหายาเสพติด และการสร้างสวัสดิการเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
“วันนี้ประชาชนจะตัดสินใจเลือกพรรคที่ทำงานได้จริง พรรคเพื่อไทยถูกขัดขวางมาตลอด แต่เรายังยืนหยัดทำงานเพื่อประชาชน”
ขณะที่นายสมศักดิ์ วิจารณ์รัฐบาลปัจจุบันว่า ทำงานไร้ประสิทธิภาพ ทั้งการจัดซีเกมส์และการบริหารจัดการน้ำท่วม พร้อมตั้งคำถามถึงการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในช่วงเวลาที่สุ่มเสี่ยงต่อการยุบสภา ทั้งนี้ ตนในขณะดำรงตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ได้กดปุ่มอนุมัติค่าป่วยการ อสม. เดือนละ 2,000 บาททันทีภายในสัปดาห์แรก พร้อมขับเคลื่อนนโยบายนับคาร์บ ลดปัญหา NCDs ที่ใช้งบรักษาพยาบาลปีละกว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งหากลดภาระงบประมาณได้ จะมีเงินเหลือนำมาสนับสนุนสวัสดิการ อสม. อย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมกันนี้ นายอนุสรณ์ ได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องลำพูน ร่วมผลักดันให้รัฐสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อสม. วาระ 2–3 ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ ว่า “สภาฯ ควรร่วมกันเร่งมือพิจารณา พ.ร.บ.อสม. วาระ 2–3 ให้เสร็จสิ้นก่อนยุบสภา อย่าให้การยุบสภาเป็นเหตุให้สิทธิประโยชน์ อสม. ต้องหายไปต่อหน้าต่อตา”

