“ณัฐพงษ์” เยือนสิงคโปร์หารือหน่วยงานความมั่นคง ย้ำ “ไทย” ต้องเอาจริง ตั้ง Special Task Force รวมศูนย์ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นเจ้าภาพปราบปรามการฟอกเงินจากสแกมเมอร์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ
วันที่ 29 ต.ค. 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยรังสิมันต์ โรม และพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ได้เข้าพบหน่วยงานความมั่นคงของสิงคโปร์ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการสืบสวนและปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ รวมถึงอาชญากรรมการค้ามนุษย์ข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสแกมเมอร์ และการฟอกเงินผ่านระบบดิจิทัล การหารือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมทั้งในเชิงนโยบายและระดับปฏิบัติการ ซึ่งการป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน ที่แต่ละประเทศต่างได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของพี่น้องประชาชน
สิงคโปร์สูญเงินมหาศาล
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า ผู้แทนหน่วยงานความมั่นคงของสิงคโปร์ได้เริ่มกล่าวรายงานข้อมูลว่า ในปี 2024 ผู้เสียหายจากสแกมสูญเสียเงินรวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 27,000 ล้านบาท ถือเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เพียง 6 เดือน มีผู้เสียหายได้รับเสียหายกว่า 20,000 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 456 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือ 11,300 ล้านบาท โดยรูปแบบการหลอกลวงที่พบบ่อยได้แก่ การหลอกให้กรอกข้อมูลบัญชี, หลอกสมัครงาน และการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งผู้เสียหายในสิงคโปร์ส่วนมากมักโอนเงินให้ด้วยความสมัครใจ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสิงคโปร์สามารถนำเงินคืนให้ผู้เสียหายได้เป็นจำนวนมาก โดยอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานความมั่นคง สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการโทรคมนาคม ร่วมกันอย่างเป็นระบบ
เสนอตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ
ด้านนายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตการณ์สแกมเมอร์ครั้งใหญ่เช่นเดียวกัน และเห็นว่าปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ใช่ปัญหาเพียงแค่ภายในประเทศไทยที่ต้องเผชิญเท่านั้น แต่เป็นปัญหาที่ทั้งกลุ่มอาเซียนกำลังเผชิญวิกฤตนี้ร่วมกัน โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสแกมเมอร์เป็นจำนวนมาก และระหว่างเดือนมีนาคม 2022 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2024 มีคดีอาชญากรรมทางออนไลน์กว่า 540,000 คดี ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องการการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ มีการประสานความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง จึงขอเสนอให้มีการตั้ง Special Task Force รวมศูนย์ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ธนาคารกลาง ตำรวจ อัยการ คณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ โดยทำงานร่วมกับทุกประเทศที่มีผู้เสียหายจากสแกมเมอร์ การตั้ง Special Task Force นี้จะทำให้การจัดการอาชญากรรมข้ามชาติที่มีลักษณะเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงหลายประเทศและเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็ว สามารถทำได้อย่างเท่าทันอาชญากร และปกป้องประชาชนในแต่ละประเทศได้
จับมือทุกประเทศสกัดฟอกเงิน
นายณัฐพงษ์ ได้กล่าวด้วยว่า ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ไม่ใช่เพียงการที่จะการปราบปรามผู้กระทำความผิดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องป้องกันการฟอกเงินผ่านคริปโทเคอร์เรนซี หรือเงินดิจิทัลด้วย และการลงทุนของนักลงทุนในต่างประเทศหลายแห่งมักเป็นการนำเงินผิดกฎหมายที่ไม่มีแหล่งที่มาของเงินนำมาฟอกให้กลายเป็นเงินในระบบเศรษฐกิจ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดผลกระทบกับภาคเอกชนเป็นวงกว้างไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม ซึ่งประเทศไทยเพียงประเทศเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองเพียงลำพังได้ แต่ทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียนต้องแสวงหาความร่วมมือภายใต้กรอบ ASEAN เพื่อยกระดับความมั่นคงทางไซเบอร์ในภูมิภาคนี้ให้เป็นวาระสำคัญ ซึ่งไทยในฐานะประเทศที่ถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินของอาชญากรข้ามชาติ ต้องเป็นเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนเรื่อง

