“สิงโตคำราม” อังกฤษ ตบเท้าผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่มก็จริง แต่ฟอร์มโดยรวมของพลพรรค “ทรี ไลออนส์” บอกได้เลยว่าเล่นกันไม่เอาอ่าวเลยทีเดียว สถิติการแข่งขันนั้นลงเล่นไป 3 นัด ชนะ 1 นัดเสมอ 2 นัด มีแค่ 5 แต้มเท่านั้น ทั้งๆที่ก่อนแข่งใครก็มองว่าอังกฤษ น่าจะยิงกระจุยกระจายแล้วเข้ารอบแบบสวยๆ

แต่ก็อย่างที่ทราบกัน การแข่งขันในระดับทัวร์นาเมนต์แบบนี้ไม่มีคำว่าง่าย และมีโอกาสพลิกผันได้เสมอ ดีนะที่ “สิงโตคำราม” ยังสามารถเก็บชัยชนะนัดแรกเหนือเซอร์เบียได้ 1-0 ก็ทำให้อุ่นใจโอกาสเข้ารอบมีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ แต่หลังจากนั้นนัดที่เสมอกับเดนมาร์ก 1-1 ก็เป็นอีกเกมที่น่าผิดหวังเพราะเหนือกว่าแต่มีปัญหาในการจบสกอร์

จากเกมเสมอเดนมาร์กจนมาถึงเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม อังกฤษ ก็ทำได้แค่เสมอ สโลวีเนีย 0-0

นอกจากปัญหาจบสกอร์ที่ค่อนข้างฝืดแล้วการเดินเกมของ “สิงโตคำราม” ทั้ง 3นัดไม่ได้ไหลลื่นเลยทีเดียว

ส่วนหนึ่งก็มาจากปัญหาการจัดทัพของแกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทรี ไลออนส์ ที่ตัดสินใจเลือกเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มารับตำแหน่งตัวตัดเกมในแผงมิดฟิลด์ทำหน้าที่เคียงข้างเดแคลน ไรซ์ กองกลางจากค่ายอาร์เซนอล

แม้ว่าเทรนต์จะได้รับการยกย่องว่าสามารถเล่นตำแหน่งมิดฟิลด์ได้อย่างยอดเยี่ยมจากการปรับเปลี่ยนของเจอร์เกน คลอปป์ นายใหญ่ชาวเยอรมัน แต่ตอนเล่นกับ “หงส์แดง” นั้น อาร์โนลด์มี 2 กองกลางอย่างวาตารุ เอ็นโด และอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ คอยประคองอยู่

เมื่อเทรนต์ทำผิดพลาดก็ยังมีเพื่อนร่วมทีมคอยตามเก็บตามเช็ดได้ไม่ยาก แต่พอมาเล่นกับทีมชาติอังกฤษมีกองกลางเพียงแค่ 2 รายเท่านั้นคือ เทรนต์กับไรซ์ ซึ่งปกติแล้วกองกลางอาร์เซนอลก็ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับขนานแท้เป็นมิดฟิลด์บ็อกซ์ทูบ็อกซ์

ทำให้ต้องมาตกที่เทรนต์ที่ต้องรับหน้าที่มิดฟิลด์ตัวตัดเกม แต่ปรากฏว่าแบ็กขวาจากหงส์แดง ก็ไม่ได้ถนัดในตำแหน่งนี้เท่าไร ที่ก็เล่นตามสไตล์ของตัวเอง คือเดินหน้าเปิดเกมรุกด้วยลูกวางยาวให้แนวรุกสร้างสรรค์ผลงาน แต่ตอนเสียบอลแทนที่เทรนต์จะกลับมาเล่นในตำแหน่งตัวเองกลับเดินเอื่อยเฉื่อยไม่ไล่บอลซะอย่างนั้น

พอมาในเกมนัดสุดท้ายพบกับสโลวีเนียนั้น เซาธ์เกตก็ได้สั่งดร็อปเทรนต์ไว้ข้างสนามแล้วเปิดโอกาสให้คอนอร์ กัลลาเกอร์ ได้ลงวาดลวดลายแม้ว่ามิดฟิลด์จากเชลซี ผลงานจะไม่สู้ดีเหมือนกัน แต่การวิ่งรักษาตำแหน่งนั้นดีกว่าอาร์โนลด์อยู่หลายช่วงตัว

แต่ช้อยส์ที่ดีที่สุดในตำแหน่งดังกล่าวนั้นก็ต้องยกให้ค็อบบี ไมนู กองกลางดาวรุ่งจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

หลังจากสองนัดล่าสุด เมื่อไมนูได้ลงมาก็ทำให้แผงมิดฟิลด์ของ “สิงโตคำราม”นั้นไหลลื่นขึ้น

นอกจากในตำแหน่งมิดฟิลด์ตรงกลางที่ต้องเปลี่ยนแล้ว บรรดาแนวรุกเซาธ์เกตก็ควรเปลี่ยนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งปีกซ้ายของฟิล โฟเดน ปีก

เจ้าของรางวัลแข้งยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก ประจำปี 2023-2024 ที่ตลอด 3 นัดนั้น โฟเดนโชว์ฟอร์มไม่ค่อยออก

ทำผลงานได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน การทะลุทะลวงไม่เหมือนกับตอนเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่พอโคล พาลเมอร์ ได้ลงมาแทนก็ทำให้แนวรุก“สิงโตคำราม” ดูวูบวาบน่ากลัวขึ้นเยอะ

อีกตำแหน่งที่ควรต้องเปลี่ยนก็คงไม่หนีแฮร์รี เคน กองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษ ที่ตลอด 3นัดนั้น บอกได้เลยว่าดูอืดเป็นเรือเกลือเลย แถมจังหวะหาช่องก็แทบจะไม่มี จังหวะจบสกอร์ก็ไม่คม ยิงทิ้งยิงขว้างไปหมด ก็เข้าใจว่าการมีกองหน้าบาเยิร์น มิวนิก อยู่ในทีมมันอุ่นใจ

แต่ชั่วโมงนี้บอกเลยว่าควรให้โอกาสโอลลี วัตกินส์ และไอแวน โทนีย์ ได้ลงเล่นบ้าง อาจจะทำให้แนวรุก “สิงโตคำราม” กลับมาไฉไลอีกครั้ง

เรียกได้ว่า 3 ตำแหน่งสำคัญนี้เซาธ์เกต ต้องกล้าเปลี่ยน เพราะถ้ายังยึดผู้เล่นจาก 3นัดแรก อย่าถามถึงโอกาสคว้าแชมป์ แค่รอบ 16 ทีมจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้!!

มะระหวาน

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

แบ่งปัน.
Exit mobile version