กว่า 70 ปีจากร้านเล็กสู่เครือข่ายค้าปลีกระดับประเทศ เซ็นทรัลเติบโตท่ามกลางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงเร็ว สิ่งที่น่าศึกษาไม่ใช่แค่ขนาดธุรกิจ แต่คือ “วิธีคิด” และการบริหารด้วยระบบมืออาชีพ

ทศ เล่าไว้อย่างชัดเจน ระหว่างการให้สัมภาษณ์แก่ตัวแทนหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเพื่อบันทึกเรื่องราวจากรุ่นสู่รุ่นในโอกาสครบรอบ 90 ปีของสององค์กรใหญ่ของประเทศไทยว่า หัวใจสำคัญของการสร้างธุรกิจครอบครัวให้มั่นคงคือการรักษารากเหง้า ขณะเดียวกันก็ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

ศิลปะการบริหารธุรกิจกงสี

ทศ จิราธิวัฒน์ สรุปหัวใจการบริหารธุรกิจครอบครัวไว้ชัดเจนคือ แยกบทบาทให้ชัด ระหว่าง “ครอบครัว” กับ “บริษัท” โดยให้ความสำคัญกับความเป็นมืออาชีพ เปิดทางให้ผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาขับเคลื่อน เพื่อให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าอย่างโปร่งใส และแข่งขันได้ในตลาดโลก

การบริหารด้วยวิสัยทัศน์รุ่นใหม่

แม้จะมาจากธุรกิจที่มีรากเหง้าเก่าแก่ แต่เซ็นทรัลไม่เคยหยุดนิ่ง ทศ เล่าว่า การขยายตัวในต่างประเทศ และการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ล้วนมาจากการมองการณ์ไกล และกล้าปรับเปลี่ยนตัวเอง 

กลยุทธ์นี้ทำให้ห้างเซ็นทรัลไม่เพียงเป็นผู้นำในประเทศไทย แต่ยังสามารถยืนหยัดท่ามกลางการแข่งขันระดับสากลด้วย

บทเรียน 4 ข้อสำหรับธุรกิจครอบครัว

สิ่งที่ได้จากการบอกเล่าของทศ คือบทเรียนที่กงสีทุกแห่งสามารถนำไปใช้ได้ มีด้วยกัน 4 ข้อ ได้แก่

1. แยกบทบาทให้ชัด ระหว่างความเป็นครอบครัว กับการบริหารธุรกิจ

2. เปิดกว้างรับผู้บริหารมืออาชีพ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ๆ

3. ยึดคุณค่าร่วมของครอบครัวเป็นศูนย์กลาง แต่พร้อมปรับตัวตามยุคสมัย

4. คิดการณ์ไกลเกินกว่าประเทศ มองการเติบโตในระดับโลกตั้งแต่เนิ่นๆ

วิกฤตที่หล่อหลอม“จิราธิวัฒน์”

ไฟไหม้ชิดลม – เปลี่ยนความสูญเสียเป็นโอกาส

เหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ห้างเซ็นทรัลชิดลม ทำให้ธุรกิจต้องหยุดชะงักเพราะเกิดความเสียหายอย่างหนักกว่า 1,500 ล้านบาท แต่ทศมองต่างออกไป เขาเห็นว่า แม้จะมีความเสียหายหนัก แต่ลูกค้ายังอยู่ เพียงแค่ย้ายไปใช้บริการสาขาอื่น และการสร้างใหม่ยังเป็นโอกาสทำให้ห้างดีกว่าเดิม 

เหตุการณ์นี้สอนว่า ทุกวิกฤต คือโอกาส หากเรามองด้วยสายตาแห่งการสร้างสรรค์

วิกฤตต้มยำกุ้ง – การเสียสละเพื่อรักษาหลักการ

ในปี 2540 ค่าเงินบาทพุ่ง ดอกเบี้ยก็พุ่ง หนี้สินท่วม จนต้องขายทรัพย์สินจำนวนมาก รวมทั้งธุรกิจ “บิ๊กซี” ที่สร้างมากับมือออกไป แม้เป็นความเจ็บปวด แต่ทศก็เลือกรักษาเสาหลักของกลุ่ม และโฟกัสธุรกิจที่มั่นคงกว่า 

ครั้งนั้น ทศเล่าว่าเขาตัดสินใจขายบิ๊กซี ไปในราคา 6,000 ล้านบาท แต่มูลค่าที่มีการซื้อขายกันต่อๆ มาสูงถึง 100,000 ล้านบาท แต่โดยสรุป วิกฤตครั้งนั้นทำให้เซ็นทรัล “ลีน” เหมือนนักกีฬาที่ไร้ไขมัน แข็งแรงกว่าเดิม และเข้าใจความหมายของการบริหารค่าใช้จ่ายที่แท้จริง

โควิด-19 – จากหน้าร้านสู่หน้าจอ

กว่า 70 ปี เซ็นทรัลไม่เคยปิดห้าง แต่โควิด-19 ทำให้ทุกสาขาต้องหยุดชะงัก ทว่าทศไม่ปล่อยให้ยอดขายหาย เขาพลิกวิธีคิดให้พนักงานหน้าร้านขายของออนไลน์ สร้างรายได้ทดแทน แม้พนักงานจะกลัว และเป็นกังวล แต่เขาย้ำว่า อย่าตกใจ ให้ตั้งใจว่า เราจะสู้อย่างไร และวิกฤตครั้งนี้ก็ทำให้เซ็นทรัลลุกขึ้นยืนหยัดได้ เพราะความยืดหยุ่น และการพร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ๆ

บทเรียนทั้ง 3 ช่วงตอนแห่งวิกฤตนี้ สะท้อนว่า การบริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่ไม่ใช่แค่การขยายสาขา แต่คือการเผชิญวิกฤตด้วยสติปัญญา มองหาโอกาส และเลือกโฟกัสในสิ่งที่ทำให้ธุรกิจแข็งแกร่งยั่งยืน

ผลลัพธ์จากการตัดสินใจของทศ แสดงให้เห็นการฟื้นตัวในปีต่อๆ มา ได้แก่

  • กำไรสุทธิในปี 2023 อยู่ที่ราว 8,000 ล้านบาท
  • ในปี 2024 รายได้ของ CRC อยู่ที่ประมาณ 262,000 ล้านบาท
  • งบไตรมาส 1/2025 รายได้รวม 67,255 ล้านบาท

ขณะที่การลงทุนของกลุ่มเซ็นทรัลในต่างประเทศ ยังเป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เพียงแต่ต้องการเติบโตในไทยเท่านั้น แต่ยังต้องการขยายอาณาจักรการลงทุนสู่ภูมิภาค และตลาดโลกด้วย

เวียดนาม

  • Central Retail วางแผนการลงทุนในเวียดนามมากกว่า 30,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์ม Omnichannel เบอร์ 1 ในธุรกิจอาหาร และอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนาม
  • ตั้งเป้าหมายยอดขายที่เวียดนามไว้ที่ 100,000 ล้านบาท และขยายสาขาให้ครอบคลุม 55 จังหวัดของเวียดนาม
  • สร้างโครงการช่วยผู้ประกอบการเวียดนามให้เข้าถึงห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และลดการพึ่งพิงตลาดอเมริกา

ยุโรป

  • เซ็นทรัลได้เข้าครอบครอง Globus ห้างสรรพสินค้าหรูในสวิตเซอร์แลนด์ครบ 100% ซึ่งเป็นการตอกย้ำความตั้งใจลงทุนในตลาดยุโรป รวม 11 ประเทศ
  • ความเคลื่อนไหวของการลงทุนในยุโรป รวมถึงแผนการใช้เงินลงทุนประมาณ 1,300 ล้านยูโร เพื่อขยายและอัพเกรดสโตร์ในเยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ในอีก 5 ปีข้างหน้า
  • มีการนำเงินทุนจากการขายทรัพย์สินบางตัว เช่น การขาย Rinascente เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และมุ่งเน้นตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น
  • กลุ่มเซ็นทรัลยังได้เข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (60%) ของ Selfridges Group ร่วมกับกองทุน PIF ของซาอุดีอาระเบีย (40%) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในสินค้าหรูของยุโรป ซึ่งทศเห็นว่า สินค้าแบรนด์เนมนับเป็นสินค้าสำคัญที่ยังคงมีการเติบโตสูงในห้าง Selfridges ของมหานครลอนดอน 

บทเรียนจากการเอาตัวรอดในวิกฤต การวางระบบบริหารกงสีให้มืออาชีพ และการขยายฐานสู่ผู้บริโภคในต่างประเทศ คือเหตุผลที่ทำให้กลุ่มเซ็นทรัลได้รับการจัดเครดิตให้เป็นบริษัทอันดับหนึ่งที่มีเครดิตเรตติ้งอยู่ในระดับ A ของประเทศไทย

ในเชิงการเปรียบเทียบ ถ้ากลุ่มเซ็นทรัลของตระกูลจิราธิวัฒน์ สามารถขยายเครือข่ายค้าปลีกไปทั่วโลกได้มากกว่านี้ ท้ายที่สุดพวกเขาจะกลายเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่สร้างความมั่งคั่งให้แก่ตระกูลได้เช่นเดียวกับ LVMH, Walmart, Amazon และค่ายธุรกิจอื่นๆ ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก 

และวันหนึ่ง ธุรกิจของประเทศไทย เช่น CP, ThaiBev, Gulf, PTT, Double A หรือ TUF จะเป็นบริษัทข้ามชาติที่นอกจากจะสร้างความแข็งแกร่ง และมั่งคั่งตามติดกันมาแล้ว ยังสร้างรายได้เงินตราต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยจำนวนมาก ภายใต้วิธีคิด และการบริหารธุรกิจในรูปแบบเดียวกันด้วย

ต้องมีสักวันที่ภาคธุรกิจเอกชนไทย จะก้าวไปสู่ทำเนียบธุรกิจขนาดใหญ่ของโลก


แบ่งปัน.
Exit mobile version