เป็นอีกหนึ่งคู่รักที่แฟนๆ เชียร์กันไม่น้อยสำหรับ นนกุล ชานน และ แอฟ ทักษอร ที่ล่าสุดนนกุลไปออกรายการคลับฟรายเดย์โชว์ งานนี้เจ้าตัวได้เล่าถึงตอนที่เริ่มจีบแอฟให้ได้ฟังกันด้วย ซึ่งนนกุลจะมีวิธีจีบแอฟอย่างไรไปฟังกันเลย 

เจอกันในกอง ก่อนเจอกันในกองก็รู้จักพี่เขามาก่อนอยู่แล้ว เจอเขาในทีวี เจอเขาในหนังพระนเรศวร เห็นมาตั้งแต่ เดี๋ยวพี่เขาก็ว่าผมอีก (ยิ้ม) เห็นมาตั้งแต่ผมเด็กๆ พี่เขาสวยมาก แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกันเลย ไม่เคยมีโอกาสเจอกันส่วนตัวเลย จนมาเจอกันครั้งแรกในละคร ได้เวิร์คชอป ตอนเดินมา พี่เขาเดินหน้าสดมาเลย รู้สึกว่าทำไมพี่เขาสวยจังเลย ส่วนตัวรู้สึกว่าสวยกว่าในทีวีซะอีก 

ตอนแรกที่รู้ว่าจะได้เล่นละครกับพี่เขา ก็รู้สึกดีใจที่จะได้เล่นกับนักแสดงที่เจนประสบการณ์ แต่ไม่ได้ใจเต้นโครมครามหรือตื่นเต้น ตอนนั้นผมไม่ได้คิดไม่ซื่อ ถ้าผมคิดไม่ซื่อ ผมไม่กล้าชวนพี่เขา ตอนนั้นป่วยทั้งคู่ เหมือนเรานอนซมอยู่ที่บ้าน ก็เลยรู้สึกว่าอย่าเสียเวลานอนป่วยเฉยๆ อยากรู้ว่าพี่เขาจะกล้าเล่นฉากเลิฟซีนมุ้งมิ้งกับเราแค่ไหน และด้วยความที่ผมเป็นคนเวลาอยู่กองไม่ใช่คนชอบคุยกับใคร แต่ก็มีองค์ประกอบตรงนี้เอาไว้แล้วกัน ก็คือชวนทดลองเป็นแฟน 15 นาทีต่อวัน คุยกัน

เราตีเป็นเวิร์คชอป ซึ่งผมก็จะเขียนรายละเอียดเลย เพราะกลัวว่าพี่เขาจะอึดอัด ผมเขียนไปว่า คุยกันประมาณ 15 นาทีนะครับ หัวข้ออ้างอิงตามตัวละคร สถานการณ์ก็คือเราป่วยก็เอานี่แหละ ก็ทดลองเป็นแฟน อยู่ในช่วงนี้นะก็ต่อบทไปเรื่อยๆ เดี๋ยวผมชวนคุยเอง แต่พี่ไม่ต้องห่วงนะครับว่าผมโทรคุยว่าพรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ ไม่ได้เท่ากับว่าพรุ่งนี้ผมจะพาพี่ไปดูหนังจริงๆ เพราะผมกลัวว่าพี่เขาจะไม่กล้าตอบ ก็บอกว่าให้ตามฟีลตัวละคร ตอนคุยกันก็เรียกชื่อตัวละครครับ เล่นจริงตามบทบาท พอครบเวลา 15 นาทีก็จะบอกโอเคครับ งั้นพี่ไปกินข้าวเถอะครับ ผมไปนอนต่อแล้ว แต่เห็นพี่เขาบอกว่าช่วงหลังๆ ก็เกิน ผมก็แบบ เกินเหรอ (ยิ้ม) 

เริ่มมีความประทับใจจากการได้คุยกันตรงนั้น? 

ใช่ๆ เพราะผมไม่คิดไม่ฝันว่าพี่เขาจะทำ และมันทำให้ผมประทับใจพี่เขามากที่ไม่ได้ถือตัวอะไร 

ตอนที่เริ่มรู้สึกว่ามันพิเศษแล้ว ตกใจตัวเองมั้ยว่านั่นคือรุ่นพี่เชียวนะ? 

มันไม่มีความตกใจ เพราะว่าผมค่อนข้างจะเคลียร์ความรู้สึกตัวเองประมาณหนึ่งว่าเรารู้สึกดีกับพี่เขา เราชอบพี่เขานะ มันก็อยู่ที่หนทางแล้วแหละว่าเราจะสานต่อยังไง อย่างแรกคือผมต้องรอให้ถ่ายซีรีส์เสร็จก่อน เพราะผมคิดว่ามันคงจะไม่มืออาชีพเท่าไร หลังจากที่ถ่ายละครเสร็จก็ชวนง่ายๆ เลย ไปกินข้าวกันมั้ยครับ พี่มีธุระต่อมั้ย เดี๋ยวมีหนังเรื่องนี้ดูมั้ย (หัวเราะ) ตอนนี้ก็จะแบบงึกๆ งักๆ แล้วเพราะมันเริ่มข้ามเส้นหน่อยๆ แล้ว แต่เหมือนพี่เขาว่างพอดี เขาก็บอกว่า เอาสิ ก็ไปดูหนังกัน

ตอนที่ดูหนังอยู่ ผมก็มองพี่เขา แล้วบอกว่า (เขิน) ถ้าจะจับมือพี่ต้องเซ็นสัญญาเหมือนเชนในละครมั้ย พี่เขาก็ทำหน้างง แล้วผมก็จำไม่ได้แล้วครับ (หัวเราะ) แต่ผมก็ไม่ได้เอาคำตอบอะไรตอนนั้น ผมไม่รู้หรอกว่าคำพูดนั้นจะทำพี่เขาละลายมั้ย แต่ผมก็หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองอยู่ว่าถ้าพี่เขา เอ๊ะ อ๊ะ ผมก็จะบอกว่า ล้อเล่นครับพี่ ผมก็จะไหล (หัวเราะ) ผมเผื่อใจไว้เต็มเลยครับ (ยิ้ม) เผื่อไว้แบบเละเทะเลย เราก็อยากจะรู้จักกับพี่เขาต่อนะ แต่ไม่ใช่ในฐานะพี่ 

แล้ววันนั้นได้จับมือมั้ย? 

เบาๆ จับเบาๆ (ยิ้ม) 

วันนั้นพี่เขาได้ตอบอะไรมั้ย? 

ตอนกลางคืนผมก็โทรหาพี่เขา พี่เขาก็บอกว่าก็ลองดูลองคุยกัน 

แอฟเป็นผู้หญิงที่ตรงสเปก? 

ใช่ครับ สวย น่ารัก เรียบร้อย แต่ว่ามีความเซ็กซี่ครับ อันนี้ในแง่รูปลักษณ์ภายนอกนะครับ 

หลายคนมองว่าเป็นรักแท้หรือแค่โปรโมต? 

คนอื่นผมไม่รู้นะ ถ้าเป็นส่วนตัวผม ผมไม่กล้าทำแบบนั้นจริงๆ ถ้าเอาเรื่องความรักไปโปรโมต ถ้าความรักจริงๆ ไปโปรโมตผมโอเคนะ แต่ถ้าสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อโปรโมตส่วนตัวผมอาจจะไม่สะดวกใจวิธีนี้ 

พอคนรู้ความสัมพันธ์ของเรา คนรอบข้างว่ายังไงบ้าง? 

ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกหนักหน่วงอะไรอาจจะเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายด้วย อายุน้อยกว่าด้วย พี่เขาอาจจะมความกังวลบ้างเล็กน้อย แต่จะเป็นความกังวลจากคนใกล้ๆ ตัวพี่เขามากกว่า แต่พอพี่เขาบอกคนรอบๆ ไป คนรอบๆ ตัวเขาก็โอเค พี่เขาก็โอเคเลย  

กับคุณแม่ผม แม่ผมปลื้มพี่แอฟอยู่แล้ว ดูละครของพี่เขาทุกเรื่อง เลยไม่มีปัญหาเรื่องนี้สำหรับครอบครัวผมเลยครับ มีวันหนึ่ง ผมชวนพี่เขามาไหว้ไท่ส่วยเอี้ยด้วยกัน ผมก็บอกที่บ้านว่าพี่เขาจะมา ซึ่งบ้านผมปกติจะรกๆ หน่อย แต่วันนั้นเป็นวันที่บ้านผมสะอาดที่สุด ผมยังตกใจเลยของที่รกๆ หายไปหมดเลย ส่วนเพื่อนๆ รอบตัวผมก็โอเค ชิลๆ แต่ก็มีแอบๆ เกร็งว่าพี่เขาจะโอเคใช่มั้ย 

อย่างกระแสลบที่คนมองว่าเป็นผู้หญิงในวัยนี้แล้ว ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว เคยคุยกับแอฟเรื่องนี้มั้ย? 

ไม่เลยครับ ถ้าผมแคร์เรื่องนี้ผมคงไม่คุยกับพี่เขาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะผมไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้ ส่วนพี่เขาคิดมั้ย ถ้าคนรอบตัวพี่เขาโอเค สิ่งเหล่านี้มันก็โอเค 

ได้คุยกันมั้ยว่าจะเปิดแล้วนะ ถ้ามีคนถาม? 

จริงๆ ก็ไม่ได้คิดจะปิดอะไร แต่พอมันมีงานของคุณพ่อเขา ก็เลยคิดว่าอย่าเพิ่งดีกว่า เอาให้งานคุณพ่อผ่านไประยะหนึ่งก่อน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ตอนที่บอกว่ากำลังคุยอยู่มันก็มีคอนเมนต์แย่ๆ อยู่ดี สิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นต่อให้เราชัดเจนแค่ไหนก็ตาม ผมก็ไม่อยากให้มีคอมเมนต์แย่ๆ ไปกระทบจิตใจพี่เขาในช่วงนั้น 

กฎกติกาในการอยู่ร่วมกันในความรักของทั้งคู่คืออะไร? 

ถ้าเป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือ ถ้าไม่เหนื่อยจนเกินไปอย่างน้อยวันละครั้งขอให้ได้คุยกันตอนกลางคืนก่อนนอน และถ้าเกิดมีเรื่องที่งอน นอยด์ ทะเลาะ ขอให้ได้คุยกันอย่าเพิ่งไปนอน เวลานอยด์แล้วไม่คุยกัน ทิ้งไว้ข้ามคืน มันหมักหมมแล้วไประเบิดทีเดียว ตอนนั้นก็ไม่รู้จะไปแก้ไขยังไง คุยทีละประเด็น ทีละวันให้มันเคลียร์จะได้ไม่ต้องมาเคลียร์ทีหลัง 

แล้วแอฟคิดแบบนั้นมั้ย ว่าต้องคุยเลย หรือเดี๋ยวก่อนก็ได้? 

มีบ้างครับที่พี่เขาอยากให้เย็นลงก่อนค่อยคุย แต่ผมมองว่าเราสองคนมีวุฒิภาวะพอที่จะเย็นทั้งคู่เวลาที่จะคุยกันให้รู้เรื่อง 

สิ่งที่ต้องปรับตัวเข้าหากันคืออะไร? 

ปัญหาคือผมเป็นคนที่หาเรื่องชวนคุยระหว่างวันไม่เก่ง แต่ผมก็บอกพี่เขาว่า ถ้าอยากคุย หรือมีอะไรเร่งด่วน โทรมาได้เลยนะ คือพี่เขาเป็นคนที่คุยเก่งนะ และผมก็ยินดีที่จะนั่งฟังเขาเสมอนะ แต่ถ้าพี่รู้สึกว่าผมหายไป แต่ผมไม่ได้หายไปหรอก แต่ไม่รู้ว่าจะพิมพ์อะไร ผมไม่อยากเป็นประเภทแบบถามแบบขอไปที หรือถามแค่ถามเฉยๆ ซึ่งบางวันที่ผมก็ถามเยอะเพราะผมอยากรู้ แต่ถ้าบางวันมันไม่มีเลย นี่แหละมันจะมีงอนๆ กันบ้าง 

เวลาแอฟงอนเป็นยังไงเหรอ? 

ก็จะแบบไม่ว่างเหรอ ก็บอกว่าว่างครับพี่ แต่ก็บอกตามตรงว่าไม่รู้จะชวนคุยอะไร แต่ถามว่าเจอมั้ย ถ้าเจอได้ผมเจอเลย ชวนทานข้าวตลอด 

เวลาเขางอนง้อยังไง? 

แล้วแต่วันครับ ก็คือการฟังเขาพูดแหละครับ เขารู้สึกยังไงก็ให้เขาพูดออกมาตอนกลางคืน ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ได้เรื่องจริงๆ ก็ขอโทษพี่เขา แต่ถ้าผมไม่ว่างจริงๆ พี่เขาก็รับฟัง แต่ถ้าวันไหนผมทักพี่เขาไปเยอะๆ เขาก็จะบอกว่า วันนี้แปลกๆ นะ 

มีความขี้หึงขี้หวงกันมั้ย? 

ไม่ถึงกับข้าม แต่ก็มีบ้างตามภาษาน่ารักๆ หึงเลิฟซีนบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่จนทะเลาะกัน เป็นนักแสดงทั้งคู่มันเข้าใจในหน้าที่การงานซึ่งกันและกัน 

ทำไมต้องวางแพลนเอาไว้ภายใน 3 ปีถึงจะมีความคืบหน้า? 

3 ปี มันเป็นช่วงอายุของพี่เขาด้วย ถ้าใน 3 ปีเรายังไม่สามารถขึ้นสถานะเป็นแฟนได้ เพราะถ้าเป็นแฟนปุ๊บการแต่งงานก็จะเร็ว แต่ถ้า 3 ปีแล้วมันยังไม่ถึงขั้นนั้น ผมมองว่าก็ไม่อยากให้พี่เขาเสียเวลาดีกว่า 3 ปีอาจจะไม่ได้นานมาก แต่มันก็นานพอที่จะทำให้รู้ซึ่งกันและกัน และตัดสินใจกันได้ในบางอย่าง แต่ถ้ามันเร็วกว่า 3 ปีก็ได้ ผมอยากแต่งงานและมีลูก 

อยากบอกอะไรกับพี่แอฟ? 

ความรู้สึกตอนนี้คิดถึงนะครับ (ยิ้ม) หวังว่าจะได้เจอกันไปเรื่อยๆ ได้อยู่ด้วยกันเรื่อยๆ อย่างนี้ไปอีกนานๆ นะครับผม. 

แบ่งปัน.
Exit mobile version