“นพดล ปัทมะ” ประธานคณะ กมธ.ต่างประเทศ กระตุ้นทุกฝ่าย เร่งผลักดันการสร้างสันติภาพในเมียนมา เสนอ รีบจัดประชุม รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เพื่อหากลไกเพิ่มเติม และไทยควรเป็นหัวหอกผลักดัน
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. นายนพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมาและชนกลุ่มน้อย และปัญหาผู้หนีภัยสงครามข้ามแดนมาไทยและปัญหาการสร้างสันติภาพในเมียนมาอย่างยั่งยืน ว่า ถ้าไม่แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ เกาไม่ถูกที่คัน การสู้รบระหว่างรัฐบาลทหารเมียนมาและชนกลุ่มน้อย ก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและทุกฤดูแล้งก็จะมีผู้อพยพหนีภัยสงครามเข้ามาฝั่งไทย และการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมก็จะเกิดขึ้นทุกปีต่อเนื่องไป ดังนั้นต้องแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องและยั่งยืน แก้ปัญหาที่ต้นเหตุก็คือ การสร้างสันติภาพในเมียนมาให้ได้ ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่ตั้งคณะกรรมการติดตามปัญหาพม่าขึ้น ซึ่ง กมธ. เสนอไปตั้งแต่ ธ.ค. ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แก่นของปัญหาคือการที่ยังไม่มีสันติภาพอย่างยั่งยืนในเมียนมา
โดยตนมีข้อเสนอให้รีบจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เพื่อคิดหาเวทีหรือกลไกเพิ่มเติมที่จะขับเคลื่อนการสร้างสันติภาพในเมียนมาให้จริงจังมากขึ้น ไทยควรใช้โอกาสนี้เป็นหัวหอกในการผลักดันการสร้างสันติภาพในเมียนมา เมื่อกลุ่มทรอยก้า พลัส มีโรดแม็ปในการสร้างสันติภาพที่ชัดเจนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการจัดเวที พูดคุยกันกับกลุ่มต่างๆ ในเมียนมา เพราะการพูดคุยยุติปัญหาเท่านั้นที่จะลดการสูญเสียจากการสู้รบ และปัญหาความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในเมียนมา ซึ่งไม่ใช่ปัญหาภายในเท่านั้น แต่มีผลกระทบต่อประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียนโดยรวม
“ตนคิดว่าไทยที่อยู่ในสถานะพิเศษ มีทั้งชายแดนติดเมียนมาและได้รับผลกระทบอย่างมากจากการสู้รบ ควรใช้โอกาสนี้ขับเคลื่อนการสร้างสันติภาพให้รวดเร็วและกระฉับกระเฉงมากขึ้น ควรใช้นโยบายการต่างประเทศเชิงรุก และประสานทุกฝ่าย เพราะยิ่งปล่อยเวลาเนิ่นช้าไป ผู้ได้รับผลกระทบก็คือพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ปัญหาเมียนมาควรยุติโดยการเจรจาทางการทูตอย่างครอบคลุมและสร้างสรรค์ ได้เวลาที่ทุกฝ่ายจะเปลี่ยนแนวคิดและคำพูดไปเป็นการกระทำและผลสัมฤทธิ์ที่วัดผลได้ แม้จะยาก แต่ถ้ามีเจตจำนงทางการเมืองและการทูตจะสำเร็จได้” นายนพดล กล่าว