นักแสดงหนุ่ม บิ๊ก ทองภูมิ ออกมาเผยสาเหตุที่แท้จริง วิกฤติชีวิต หายไปจากวงการหลายปี เกือบตายกลางกองละคร ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ช่องOne31 โดยเจ้าตัวเผยว่า

หายไปจากวงการ?

“เราไม่ได้หายไปไหนหรอก ผมทำงานเพลง เล่นดีเจ เล่นกลางคืน คอนเสิร์ต ร้องเพลงประกอบหนัง ทำเพลง ช่วงที่คนว่าหายไป อันแรกเลยเราป่วย หลังเราทำงานหนักมาก เราก็ป่วย ผมก็เริ่มร่วง เลือด อายุก็แก่ขึ้น ก็ต้องมีหมอฝังเข็ม หมอแพทย์แผนปัจจุบัน จิตแพทย์คอยเยียวยามารุมเราใน 7 วันคิวหมอแต่ละคนเลยเพื่อรื้อฟื้น ร่างเราพัง พอถึงเวลาสะสม ตั้งแต่เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 16 ผมทำงาน นัดตีสามเลิก 7 โมงเช้า แล้วคิดดูเอ็มวียุคนั้นผมเล่นทุกตัว เรียนวิศวะฯ จุฬาฯ กลับมาถึงสี่ทุ่ม อ่านหนังสือถึงเช้า สิบโมงไปเรียน ติดมาแบบนี้ พอเล่นละครก็ 7 วัน วันนึงอยู่บนเวทีก็ร่วง คนพาส่ง รพ. หรือกองงานอีเวนต์ก็ร่วงบ่อยแล้ว มีเรื่องที่เป็นลม เรื่องบวช อะไรอีกหลายอย่าง ก็ได้ทำอะไรที่ตัวเองอยากทำ ได้ทำดนตรี ได้บวชให้พ่อแม่ ได้เรียน ได้ทุนจากบริษัทซีพี จริงๆ ได้ทุนตั้งแต่เรียนจุฬาฯ แต่เราติดถ่ายละคร เรียนไม่ไหว ก็ออกมาทำงาน”

มีหลายครั้งที่มีข่าวบิ๊กวูบในกองละคร?

“วูบทุกเรื่อง เขาย้ายโลเคชันไปแล้ว ผมนอนรอ อีก 1 ชม.ค่อยตามไป บอกเขาว่าไม่ไหวแล้ว เรื่องล่าสุดจากศัตรูสู่หัวใจ กับพี่อั้ม พัชราภา เป็นซีนโรงงาน เราเป็นเจ้าของโรงงาน เขาย้ายไปหมดแล้ว เราก็นอนอยู่อย่างนั้น อีก 1 ชม.ค่อยย้ายตามไป คุณชายไก่โต้ง ปวดหัว ทีมงานพาไป รพ. ก็ลุก ก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาบอกลุกขึ้นมาขอประโยคเดียว ไฟหิมะก็เหมือนกัน ถึงเวลานายบอกว่าบิ๊กพูดประโยคนี้ก่อน เดี๋ยวจบไม่ลง เราก็ลากแห่กันไปแล้วพูด เรื่องศรีอโยธยาของหม่อมน้อยด้วย มันแหลกไม่ไหวแล้ว”

วูบหัวฟาดพื้นห้องน้ำที่บ้าน?

“ฟาดปั้ง แจ็ค แฟนฉัน ยังแซวเลย ว่าหัวไปแล้ว เป็นบ้าไปแล้ว มันแซว แต่พอฟาดปั้งตอนนั้นเจ็บมาก สุดท้ายเราอยู่คนเดียว ไม่มีใคร เราก็ลากตัวเองไป รพ. เชื่อมั้ยอันดับแรกไปถึง รพ. กรี๊ดกันทั้ง รพ. ถ่ายตั้งแต่ รปภ.ยันแผนก ไปถึงถ่ายรูปก่อน สองชั่วโมงถึงได้เจอหมอ คิดดูคนของประชาชน เวลาไปห้วยขวาง ไปฉี่ ลากออกมาพี่ นิดเดียว แตกคากางเกง (อุจจาระ) สาบาน”

กลับไปทำงาน?

“วันถัดมาเราต้องไปมอบเหรียญให้นักเทนนิสระดับเอเชีย งานการกุศลไม่ได้เงินนะ แต่เราต้องไป หน้าที่หลักทองภูมิคืองานกุศล ส่วนได้เงินคือส่วนที่ได้ เวลาช่วยน้ำท่วมทุกช่องเราไปครบเลยนะ ช่วงโควิดไปลงพื้นที่จริง ไปแจก แต่เราไม่ได้ทำข่าว”

เห็นว่าช่วงนึงขยับปากไม่ได้เลย?

“ตอนนั้นทำงานอีเวนต์ เป็นพิธีกร อีเวนต์ที่สมุทรปราการ เราพูดแล้วพูดไม่ได้ เราหันไปบอกพิธีกรข้างๆ ว่าเฮ้ย เรากำลังจะตายแล้วนะ เราต้องไป รพ. คนนั้นก็โอเคๆ ทุกวันนี้คนนี้ยังออกมาปกป้องเราเลยเวลาเรามีคดี ว่าเราเต็มที่มากจนต้องเข้า รพ. พี่คนนี้ออกมาพูดในติ๊กต่อก คนไปดูเขาเยอะมาก ก็ขอบคุณนะ สุดท้ายพอคัตปั้ง คนขับรถส่งเข้า รพ. หมอบอกอย่างเดียวเลยว่าให้เลิกทำงานซะ ทุกอย่างมีใบรับรองแพทย์จริง สาบานเลยว่าเป็นเรื่องจริง”

ทุกครั้งทำไมข่าวออกมาเราดูติดลบ น้อยใจมั้ย?

“ไม่น้อยใจเลย มันก็คือคำพูดคน จะให้ถูกใจทุกคนก็คงไม่ได้หรอก อย่างฝรั่งเจอหนิง ปณิตา บอกว่าหนิง ปณิตาไม่สวยนะ แต่ถ้าเจอหมวย บอกหนิง ปณิตาคือราชาของเขา ไม่มีผิดไม่มีถูก ทุกคนไม่ได้ชั่ว ทุกคนดีทั้งหมด”

ภาพลักษณ์เราออกมากลายเป็นคนไม่ดีเท่าไร?

“ภาพลักษณ์ก็ส่วนภาพลักษณ์ ความจริงก็คือความจริง ภาพไม่ดีก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาเอาเราไปเล่นร้ายไง พอเล่นร้ายแล้วคนด่าก็ดีเหมือนกัน เขาดูแล้วก็ชอบ”

ใจไม่ทุกข์?

“ไม่ทุกข์ เจอคอมเมนต์แย่ๆ ก็เข้าไปตอบ ขอบคุณค่ะ ดีนะ มีคนด่าเราสามล้านในติ๊กต่อก ด่าแบบเละเทะ เราก็บอกว่าดีนะ ที่เหลือมันหลักแสน แต่คอนเทนต์ด่าเราสองล้าน ด่าได้นะ เรายินดีที่ได้รู้จัก ด่ามาเลย เราโอเคขอให้ช่องเธอได้ ได้สปอนเซอร์ เราโอเคมากเลย เราสละได้เรื่องชื่อเสียง เราไม่ได้หวง เราคือคนของประชาชน ดีก็ไม่เที่ยง ด่าก็ไม่เที่ยง ชมก็ไม่เที่ยง”

มีช่วงนึงทำไมผมร่วง เครียดหรือเปล่า?

“เราทำงานแล้วเลือดไม่ดี ผมก็ร่วง นี่ปลูกเป็นครั้งที่สองแล้วนะ ตอนนั้นผมร่วง ฟันผุไปแก้ 10 ซี่ มันเกิดจากเลือดเราเวลาทำงาน พอเราไม่ได้เช็กอัป เราไปเช็กอัปค่าโซเดียม ค่าโน่นนี่ไปหมดเลย แล้วอยากบอกว่าอันตรายมากนะพี่น้องบันเทิงทุกคน ล่าสุด ผกก.จากศัตรูสู่หัวใจเสียชีวิตแล้วนะ พี่อ๊อด กันตนา พี่อีกคนป่วยทุกโรค ของบิ๊กเกี่ยวกับการทำงาน แต่เวลาเช็กตอนนี้ค่อนข้างกลับมา ยังไม่ปกติแต่ทำงานได้ อย่างเช่นวันนี้รับคุยแซ่บงานอื่นก็ไม่รับแล้ว ได้แค่นี้ วันนึง 3 ชม. ได้แค่นี้ หรือเล่นคอนเสิร์ตวันนึงก็ได้แค่ 3 ชม. วันถัดไปเราตื่นเย็นเลย แต่ถ้าตื่นตีสี่เลิกเที่ยงคืน ไม่ไหวแล้ว ร่างกายเราไม่รับแล้ว”

อาการอย่างนี้คนอาจบอกว่าภาวะโรคซึมเศร้าที่บิ๊กไม่ยอมรับหรือเปล่า?

“ซึมเศร้าก็เป็น ติ๊ก 10 ข้อตอนนั้นเป็นทุกข้อ เหลือเรื่องสุดท้ายคือฆ่าตัวตาย ผมไม่ยอมฆ่า ผมขอดูแลแม่ก่อน จริงๆ ต้องกินยาปรับเคมีสมอง เวลาเล่นดราม่า เป็นไบโพลาร์ เป็นบ้า เป็นปิศาจ บทง่ายๆ ไม่เคยมาถึงมือ เล่น 4 คาแรกเตอร์พร้อมกัน ถึงเวลาก็ควรพัก จิตแพทย์ก็ต้องมาดูเราอยู่แล้ว พอช่วงเล่นเป็นไบโพลาร์ จิตแพทย์ก็ต้องเยียวยาเรา เราเล่นแล้วก็เป็นเลย”

อาการมันเป็นยังไง?

“มันจะนิ่ง ปกติคุยเก่งและร่าเริง แต่ถ้าเจอแล้วนิ่ง ไม่พูด กินข้าวไม่ลง นอนไม่ได้ ไม่อยากเจอใคร เก็บตัว กินอาหารไม่ลง เหนื่อย พลังงานหมด นอนไม่หลับ เพื่อนเคยพาไปสยาม นอนที่พื้นกลางสยามเลยแล้วลากไป มันปวดหน้าอก แล้วมันเดินไม่ได้ จนสุดท้ายน้องที่เรียนจุฬาฯ เป็นคนลากไป”

คุณไม่มั่นใจว่าจะอยู่บนโลกใบนี้ได้หรือเปล่า เลยเริ่มสั่งเสีย?

“สั่งเสียตลอดอยู่แล้ว ทุกวันนี้ผมไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ผมบริจาคร่างกายหมดแล้ว ผมทำงานทั้งหมด ผมยกให้แม่ทั้งหมด ไม่เคยเก็บไว้ที่ตัวเลย ตั้งแต่ทำงานมา เพราะฉะนั้นเราผ่านจุดความตายหลายที เราก็บอกครูบาอาจารย์หมดแล้ว เราฝากกระดูกให้ใคร วันแรกที่ซื้อบ้านเราก็บอกว่าเราจะสละให้ใคร เราก็สละตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ผมไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย เสื้อผ้ารองเท้าตอนนี้ก็ไม่ใช่ของผมเลย ไม่มีอะไรเลย ไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆ ทั้งสิ้น”

ใช้เงินรักษาอาการป่วยเยอะมาก หลายล้าน?

“เดือนนึงต้องมี 2 แสน เพราะรักษา รพ.เอกชน ขายทรัพย์สินจนสุดท้ายต้องเข้า รพ.รัฐบาล ก็ต้องขอบคุณรัฐบาลด้วย 30 บาทหรืออะไรนี่แหละ”

บ้าน รถยนต์ ที่ดินทั้งหลาย ไม่มีแล้ว?

“ไม่มีของเรา ตอนนี้เป็นชื่อคนอื่น เราก็อยู่ไป เราไม่มีทรัพย์สินอะไร”

ขายบ้าน ขายรถ ขายทุกอย่าง ทำงานก็เอาไปรักษาอาการป่วย?

“ส่วนนึงรักษาอาการป่วย แล้วก็มอบแม่ที่เป็นผู้ดูแลเรา ทำงานสังคม ให้ชุมชน ให้โรงทาน ผมเป็นคนไม่สะสมทรัพย์ สมัยก่อนถ่ายละคร ผมขับอีโคคาร์คันละ 4 แสน แต่ทุกวันนี้ผมขับกระบะ เด็กๆ เคยขับซุปเปอร์คาร์ รถสปอร์ต ตามวัย พอถึงเวลาก็หมด เบื่อไปเอง วันนี้นั่งวินมอเตอร์ไซค์มานี่ เราก็ใช้ชีวิตสบายๆ โทรถามมีข้าวให้กินมั้ย มีให้กินก็มากินที่นี่เอา”

ใช้เงินรักษาหมดไป 4-5 ล้าน?

“ใช่ โรคมันใช้เงินเยอะนะ พี่คิดดู 4-5 หมอนะ ครั้งละ 2 พันต่อสัปดาห์ต่อหนึ่งหมอ อีกหมอนึงเดือนละแสนห้าต่อหนึ่งหมอ จิตแพทย์ หมอสุขภาพประจำวัน นักวิทยาศาสตร์การกีฬาตรวจอายุร่างกาย ตอนนี้ร่างกายเหมือนคนอายุ 50 ดิ๊ฟเข้าไปทำให้ย้อนกลับไปอายุ 16-17 อีกครั้ง ปกติเขา 5 โดส ผมดิ๊ฟไป 20 โดส อายุยังลงมาแค่ 40 กว่าอยู่เลย ข้างในมันพังไปหมดแล้ว”

ตอนนี้ร่างกายเป็นยังไง?

“ทำงานได้วันละ 3 ชม.ก็ร่วงแล้ว ล่าสุดไปถ่ายรายการนิกกี้ ณฉัตร สองโล เข้าโลที่สองมือสั่นแล้ว ก็ต้องเอากลับบ้าน”

จะกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่?

“ทุกวันนี้ความแก่ก็แก่ไปเรื่อยๆ ร่างกายก็ทรงไปเรื่อยๆ แต่สามารถทำได้ อย่างวันนี้ประเมินแล้วเราไม่ตายคากอง เราก็คิดว่าไม่ตายเราก็เลยมา แต่ส่วนมากจะเบี้ยว เรื่องระเบียบวินัย เราไม่เป็นอย่างนั้น อย่างวันนี้เราไหว เรานอนพอ เราประเมินได้ แต่ถ้าส่งเราไปบู๊กลางป่าตีสี่ เราไม่ไหวแล้ว น้องๆ รุ่นใหม่ใครไหวก็ไปก่อน มันก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ”

ไม่มีกินจนไปบวช จริงมั้ย?

“จริงๆ เราทำงาน เรารักษาตัว ทำงานเสร็จถึงเวลา จะมีความรู้สึกวันนึงของเรา เมื่อเราสละทุกอย่างของเราแล้ว เรารู้สึกว่าเราถึงเวลาต้องบวช เราต้องโกนหัว ความรู้สึกเราอยากโกน มีใครตามผมช่วงนึง ผมตัดผมสั้นลงเรื่อยๆ มีวันนึงไปวัด พระอาจารย์ถามว่าบวชมั้ย เราก็บอกว่าบวช ก็บวชเดี๋ยวนั้นเลย เราโทรหาแม่บอกว่ากำลังจะโกนหัวนะ มาดู แม่ก็มาดู อาจารย์ถามว่าแม่ พี่สาวขัดมั้ย ไม่ขัดก็บวช บวชเป็นผ้าขาว อยู่วัดป่า จะไปชายแดน แต่ถึงเวลาสุดท้ายบวชเสร็จ วันนึงเราคิดได้ว่าเราทำงานมาตีสี่ตื่น เที่ยงคืนถึงบ้าน ไม่เคยป้อนข้าวแม่ ไม่เคยอาบน้ำให้แม่ พระอรหันต์ในบ้านเราทำให้ไม่ครบ เรารู้สึกว่าเราค้าง ตอนนั้นอยู่กาญจนบุรี เราบอกครูบาเลยว่าใจเราไม่สงบ เราเหลือเรื่องนึง สุดท้ายเรากลับ”

บวชได้กี่เดือน?

“เราอยู่ไปเรื่อยๆ เลย ไม่ได้นับ แต่ที่ออกมาพรีเซนเตอร์…บอกให้ออก สองคดีบอกว่าออกมาเคลียร์ ถ้าเราทิ้งไว้ใครจะเป็นคนจัดการ แม่เหรอ พี่สาวเหรอ เราเป็นผู้ชาย อาสาทำเอง งานนี้ผมได้เงินนะ วิ่งก้าวเพื่อธรรม ผมไปวิ่งก่อนที่ดาราจะไปวิ่งกันเยอะๆ เวลาไปทำงานผมไม่เอาหน้า ผมทำเงียบๆ”

ถ้าสะสางเรื่องทั้งหมด อยากกลับไปสู่ทางธรรมมั้ย?

“ถ้าจบแม่แล้วนะ ไม่เหลือซาก ผมบวชแน่นอน ไม่รู้จะอยู่ทำไม เราเป็นคนภาวนา ทุกคนที่เป็นแฟนคลับตัวจริงจะรู้ว่าที่ผ่านมาเราเดินเส้นทางนี้ตลอด แค่อยู่นอกเครื่องแบบ”

บางคนรู้จักคุณบ้างไม่รู้จักคุณบ้าง คุณเป็นคนดีจากเนื้อแท้?

“เราไม่มีคำว่าเฟก ไม่มีคำว่าเปลือก ไม่มีคำว่าใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคนที่เห็นเรา เพิ่งได้เห็นเราที่เราเป็นเรา ก่อนหน้านี้ต้องเข้าใจว่าสังคมไม่ได้ยอมรับขนาดนี้ โซเชียลไม่ได้ขนาดนี้เรายังมีผู้ใหญ่ที่บอกว่าเราต้องเดินแบบนี้เพื่อป้องกันอย่างนี้ อยู่ค่ายก็ต้องทำตามคำบัญชาของนายว่านายจะเอายังไง ตอนนี้เราอยู่คนเดียว เราเป็นเรา คราวนี้จะเกลียดหรือจะรักก็เป็นเรื่อของเขาแล้ว แต่เราจะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะเราเป็นคนแบบนี้”.

แบ่งปัน.
Exit mobile version