เผยแพร่ : 19 เมษายน 2567 เวลา 05:15 น
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีแผนปรับเกณฑ์สภาพคล่องหลักทรัพย์เข้าดัชนี SET50 และ SET100 โดยปรับเกณฑ์ให้ประชาพิจารณ์ถึง 26 เม.ย.
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่าการแก้ไขดังกล่าวสะท้อนถึงสภาวะตลาดในปัจจุบันที่สภาพคล่องในการซื้อขายมีน้อย โดยกฎใหม่มีเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของตลาดหุ้นทั่วโลก
มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันลดลงจาก 88.7 พันล้านบาทในปี 2564 เป็น 71.2 พันล้านบาทในปี 2565 และ 51 พันล้านบาทในปีที่แล้ว
การค้าเฉลี่ยต่อวันลดลงเหลือ 45,000 ล้านบาทในปีนี้จนถึงปัจจุบัน
บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากเกณฑ์ที่แก้ไขน่าจะเป็น เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ที่มีโอกาสเข้าดัชนีทั้ง SET50 และ SET100 ในการคำนวณรอบต่อไป ขณะที่ กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และ อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) ) ควรอยู่ในดัชนีทั้งสอง
นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ระบุ GULF และ INTUCH จะยังคงอยู่ในดัชนี SET50 และ SET100 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ขณะที่ BJC สามารถเข้าดัชนีทั้งสองดัชนีได้
สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นชอบแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนและส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืนของตลาดทุนไทย โดยการยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ตและการซื้อขายโปรแกรมแบบเปลือยเปล่า
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้ระบบการซื้อขายความถี่สูง (HFT) จะต้องลงทะเบียนเพื่อส่งคำสั่งซื้อขายโดยใช้ระบบนี้
บริษัทหลักทรัพย์ยังต้องจัดทำระบบบริหารความเสี่ยงก่อนการซื้อขายเพื่อตรวจสอบความพร้อมของหลักทรัพย์สำหรับลูกค้าที่สั่งซื้อ HFT ก่อนส่งไปยังระบบซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์
การจำกัดเวลาคำสั่งซื้อขายขั้นต่ำก่อนที่จะสามารถแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้ (เวลาพักคำสั่งขั้นต่ำ) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างมาตรฐานเกี่ยวกับความเร็วในการส่งคำสั่ง
ซึ่งน่าจะช่วยป้องกันพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและลดการส่งคำสั่งซื้อขายหลายประเภทในคราวเดียวตามข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ
“มาตรการทางการค้าเหล่านี้อยู่ระหว่างการประชาพิจารณ์ และคาดว่าจะนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ภายในไตรมาสที่สองของปี 2567” คำแถลงดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำลังพัฒนาแนวทางส่งเสริมศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนโดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในเศรษฐกิจใหม่ โดยจัดทำบทวิเคราะห์อุตสาหกรรมและรายงานแนวโน้ม ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าว
การแลกเปลี่ยนวางแผนที่จะประสานงานในการบูรณาการข้อมูลกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย ระบุในแถลงการณ์
“สิ่งนี้น่าจะช่วยในการวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของหุ้น รวมถึงกำหนดกลยุทธ์ในการส่งเสริมกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ โดยเพิ่มการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่นักลงทุน ขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย” แถลงการณ์กล่าวเสริม