“พิธา” ยกความดีความชอบให้องคาพยพพรรคก้าวไกล หลังผลนิด้าโพลชี้ คนส่วนใหญ่ยังไว้วางใจ ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 พร้อมขอให้กำลังใจ “นายกฯ เศรษฐา” 

วันที่ 30 มิถุนายน 2567 จากกรณีนิด้าโพลที่เปิดผลโพลในไตรมาส 2/2567 โดยพรรคก้าวไกลและ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ที่ประชาชนยังอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยคะแนนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในส่วนของพรรคก้าวไกล อยู่ที่ 49.20% และ นายพิธา ได้รับเสียงหนุนอยู่ที่ 45.50% ขณะที่ความนิยมของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลดลงติดต่อกันกว่า 10% จากผลสำรวจปี 2566 มาอยู่ที่ 12.85% และความนิยมพรรคเพื่อไทยอยู่ที่ 16.85% จากการสำรวจ 2,000 หน่วยตัวอย่าง

ทั้งนี้ ขณะแถลงข่าวความคืบหน้าคดียุบพรรคที่ชั้น 7 อาคารอนาคตใหม่ นายพิธา ตอบคำถามสื่อมวลชนในเรื่องนี้ ว่า “ต้องขอยกความดีความชอบให้เพื่อนๆ พรรคก้าวไกลทุกคน รวมถึงทีมงานจังหวัด ทีมงานในพื้นที่ พนักงาน สมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร และผู้แทนราษฎรที่ทำงานกันอย่างหนักและพิสูจน์ตัวเองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ประชาชนไว้วางใจ”

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล

นายพิธา กล่าวต่อไปว่า ตนขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมกันทำโพล และให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคจะไม่ทำให้ทุกท่านต้องผิดหวัง และเป็นเครื่องเตือนใจให้ทำงานให้หนักขึ้น สมกับความคาดหวัง และยิ่งความคาดหวังมาก พวกเราก็ต้องทำงานหนักขึ้นให้เต็มที่ 

ขณะเดียวกัน โพลนี้ไม่ได้ดูที่ตัวเลขไตรมาสต่อไตรมาส แต่ต้องดูที่ความต่อเนื่อง และอัตราการเพิ่มหรือลด ซึ่งที่ยังรู้สึกเป็นกังวล คือคำตอบที่มาเป็นอันดับ 2 คือ ยังหาบุคคลที่เหมาะสมไม่ได้ กว่า 20% ทำให้ตนนึกถึงเมื่อปี 2565-2566 ช่วงก่อนการเลือกตั้งที่มีตัวเลขนี้ไม่ถึง 20% แสดงออกได้หลายอย่าง คือตนต้องไปนั่งคิดและเตรียมกระบวนการในการทำงานเพื่อทำความเข้าใจว่า 20% อะไรที่ทำให้เขานอนไม่หลับ แล้วจะสามารถทำให้ 20% นี้ มารวมกับ 45% ของของเราให้ได้ เพื่อที่จะเปลี่ยนใจผู้คนว่า พวกเรานี่แหละคือตัวแทนของเขา คือแคนดิเดตของเขา

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

อีกมุมหนึ่ง ส่วนตัวขอไม่ลงลึกว่าเป็นพรรคการเมืองไหนหรือบุคคลใด แต่ตัวเองกำลังมองทั้งระบบ ที่แสดงว่าการเมืองในระบบรัฐสภาอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับพวกเขา ซึ่งก็ตรงกับที่พวกเราอธิบายเรื่องงบประมาณที่ผ่านมา ว่ายังรู้สึกว่ามีคนที่ถูกทอดทิ้ง และไม่มีปากไม่มีเสียงในระบบการเมืองไทยจริงๆ ตนจึงอยากรู้ว่า 20% นี้ จะสะท้อนอะไรหรือไม่ ในขณะที่มีรัฐบาลชุดใหม่มาแล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วจะมีการขึ้นลงของตัวเลขนี้อย่างไรบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามถึงความนิยมของรัฐบาล เศรษฐา ที่ผลโพลลดลงเรื่อยๆ จนล่าสุดตกมาอยู่ที่อันดับ 3 ในฐานะพรรคฝ่ายค้านมองปรากฏการณ์นี้อย่างไร นายพิธา ตอบว่า “เรื่องนี้ผมคงจะพูดในมุมที่อยากจะพูดกับตัวเอง ว่าต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานหนัก ไม่ได้ต้องรู้สึกผิดหวังจากตัวเลขที่ลดลง เพราะผมเองก็เคยผลโพลลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ย่อท้อ หรือรู้สึกอยากทำงานการเมืองหรือทำเพื่อประชาชนน้อยลง และไม่ได้รู้สึกเสียกำลังใจ เพราะในช่วงที่บ้านเมืองกำลังลำบากยากเข็ญขนาดนี้ ต้องมีกำลังใจที่ดี และมีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนอยู่เสมอ ซึ่งก็ขอเป็นกำลังใจให้นายกฯ เศรษฐา ครับ”

แบ่งปัน.
Exit mobile version