“พิพัฒน์” จ่อหารือ กระทรวงการคลัง หาแนวทางปรับลดค่ารถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ชี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ 2 กระทรวง แต่ต้องรออัยการสูงสุด ให้คำตอบเรื่องคู่สัญญา ยอมรับ กังวลเรื่องหนี้สาธารณะ หวั่น ทะลุเพดาน 70%
วันที่ 29 ต.ค. 2568 ทำเนียบรัฐบาล นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการปรับค่าบริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ว่า จะมีการหารือใน 2 ส่วน ส่วนแรกคือสายสีม่วงและสายสีแดง ที่จะครบสัญญาในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง ว่าหลังจากที่ครบกำหนดในวันที่ 30 พฤศจิกายน กระทรวงคมนาคมจะมีแนวทางอย่างไร ให้หารือกับกระทรวงการคลัง
ตอบไม่ได้เสร็จทันหรือไม่
ขณะที่ส่วนต่อขยายที่มีราคาสูงอยู่ในขณะนี้ ก็จะคุยกันเพื่อหาข้อสรุปให้ได้ว่าการขึ้นรถไฟฟ้าทั้งหมด ในกรุงเทพมหานคร และชานเมือง จะมีแนวทางในการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้โดยสารได้อย่างไร และจะทำทันหรือไม่ในช่วง 4 เดือน ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้ ที่จะยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค. 2569 โดยกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง จะหารือ และรีบทำให้ทัน แต่การที่จะทำให้ทันหรือไม่ทัน ไม่ได้ขึ้นแค่ 2 กระทรวง ยังเกี่ยวเนื่องกับอัยการสูงสุด ต้องให้คำตอบเกี่ยวกับคู่สัญญา ถ้าหากให้คำตอบได้เร็วก็ทำได้ทัน แต่หากช้าก็ต้องหาแนวทางว่า หากเสร็จสิ้นแล้วรัฐบาลอยู่ในช่วงรักษาการ จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ และจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติอย่างไรบ้าง โดยตนยังไม่สามารถให้คำตอบในตอนนี้ได้
กังวลหนี้สาธารณะพุ่งเต็มเพดาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีแนวคิดที่จะใช้งบประมาณไปอุดหนุนในส่วนรถไฟฟ้าที่มีปัญหาหรือไม่ นายพิพัฒน์ ระบุว่า นโยบายของรัฐบาลคือการใช้ตั๋วร่วม ซึ่งต้องมีขั้นตอน เพราะขณะนี้ รฟม. มีเฉพาะสีม่วง และสีแดง จะมีสายอื่นๆ เช่น ของ BEM หรือ BTS ก็ต้องไปเจรจากับเจ้าของสัมปทาน โดยจะต้องไปหารือกับกระทรวงการคลังด้วย ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กระทบกับหนี้สาธารณะ เพราะปัญหาของเราในขณะนี้คือความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะ เนื่องจากใกล้จะเต็มเพดาน 70% แล้ว






