“รวมไทยสร้างชาติ” พร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง “พีระพันธุ์” ประกาศยาแรง คนชั่ว-คนโกงต้องฆ่าทิ้ง-ยาเสพติดต้องเอาไปปล่อยเกาะ ชูผู้นำต้องเด็ดขาดแก้วิกฤติ พลิกโฉมประเทศ
วันที่ 7 ธ.ค.2568 พรรครวมไทยสร้างชาติ นำโดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จัดงานแถลงข่าว “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” โดยมีว่าที่ผู้สมัคร สส.ของพรรคทั้งบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขตทั่วประเทศ เข้าร่วมงาน
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ทุกคนรู้ประเทศมีปัญหา แต่ทำไมไม่จบสักที ปัญหาเหล่านี้ทำไมแก้ไม่จบ ตอบง่าย ๆ เพราะความไม่เด็ดขาดของผู้มีอำนาจ ที่ไม่เอาจริงในการแก้ปัญหา มีประโยชน์ทับซ้อน ก่อนมีตำแหน่งพูดอย่าง พอมีตำแหน่งพูดอีกอย่าง ทำอีกอย่าง ถามว่าจะจบหรือไม่ ฉันจะได้อะไร พรรคพวกมีประโยชน์ไหม นี่คือต้นเหตุของปัญหาที่แก้ไม่จบ ปัญหาเริ่มต้นถ้าไม่แก้ปล่อยไว้ก็เหมือนมะเร็งลามไปจากปัญหาธรรมดากลายเป็นวิกฤติประเทศ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้ปัญหาจบต้องมีความเด็ดขาด ไม่มีประโยชน์ทับซ้อน พรรครวมไทยสร้างชาติเด็ดขาด ไม่มีประโยชน์ทับซ้อน ตนขอยืนยัน
ยกประวัติขาวสะอาด
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า คนบอกว่าวันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่พรรคใหญ่ ตนไม่เถียง ทางการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ เพิ่งเกิดมา 3-4 ปี เราไม่ใช่พรรคใหญ่ แต่ถ้าวัดกันด้วยความเด็ดขาด วัดกันด้วยผลงาน การเอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหาให้ประเทศ วัดเรื่องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน พรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคการเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ ตนยืนยัน และถ้าวัดกันด้วยความขาวสะอาด มุ่งมั่นตั้งใจของพรรค คนที่มาเป็นผู้สมัคร เรายิ่งใหญ่
“จะพูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น” ตนยืนยันและมั่นใจว่าตนไม่ใช่แค่พูด 30 ปีที่ตนอยู่ในการเมือง ตนไม่ต้องบอกหรอกว่าพูดแล้วทำ แต่ตนทำแล้วค่อยพูด ปัญหาที่บอกเป็นวิกฤติหลายเรื่อง ตนทำงานมาไม่เคยประชาสัมพันธ์ เพราะไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างชื่อเสียงส่วนตัว ไม่ได้เข้ามาเพื่อสร้างภาพ เข้ามาเพื่อทำงาน ไม่ได้มาเล่นการเมืองเหมือนคนอื่น
โวสู้ทุนพลังงาน ลดค่าไฟชาวบ้าน
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ตนทำพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องการให้เป็นพรรคแบบที่ตนเป็น มั่นใจเป็นพรรคที่ประชาชนร้องหาเรียกหามานานแล้ว ตนได้ทำให้เห็นแล้ว 2 ปีที่ตนดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ทำให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่พูดแล้วทำ แต่ตนทำแล้วค่อยพูด เช่น เรื่องค่าไฟ ก่อนตนเข้าไปเกือบ 5 บาท บางครั้งขึ้นทุก 4 เดือน แต่ 2 ปีที่ผ่านมา มีใครมาสู้กับนายทุนพลังงาน ทำให้ค่าไฟสำหรับประชาชนลดเหลือ 3.94 บาท ปี 2567 จากการที่ตนปรับลดค่าไฟทำให้ประชาชนเหลือเงินในกระเป๋ามากกว่า 2.7 หมื่นล้านบาท ตอนที่ตนเข้ามา กฟผ. มีหนี้ 9 หมื่นล้านบาท พอตนออกมีหนี้ลดเหลือ 4 หมื่นล้านบาท ตนไม่เคยบอกล่วงหน้า แต่ทำให้ดูเลย นี่เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นหลายเรื่องเฉพาะหน้า 2 ปีที่เป็นรัฐมนตรีมา ก๊าซหุงต้มไม่เคยขึ้นราคา และทำแบบนี้มาโดยตลอด
เดินหน้าสู่สนามเลือกตั้ง
หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวอีกว่า อีกไม่นานจะต้องเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นระบบเขต ระบบบัญชีรายชื่อหรือผู้ที่สนับสนุนพรรค แต่ละครั้งที่มีการเลือกตั้ง ประเทศไม่เคยเหมือนกันเลยสักครั้ง ตนอยู่การเมืองมา 30 ปี ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง แต่ละครั้งแต่ละพรรคการเมืองก็มีนโยบายแตกต่างกันไป ซึ่งนโยบายมีสองอย่าง คือ นโยบายหลักและนโยบายที่เกิดขึ้นในวันนั้นว่าต้องทำอะไร สิ่งที่พวกเขายืนหยัดอยู่ตรงนี้ และจะเดินหน้าเข้าสู่สนามเลือกตั้งและเราจะไม่ได้เข้าสู่สนามเลือกตั้ง เพื่อไปแข่งขันกับพรรคการเมืองไหนก็แล้วแต่ พรรคทุกพรรคไม่ใช่คู่แข่งของเรา ไม่ใช่ศัตรูของรวมไทยสร้างชาติ แต่คู่แข่งและศัตรูของรวมไทยสร้างชาติ คือปัญหาและวิกฤติของประเทศที่เราต้องเอาชนะให้ได้ เราจะเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้ ต้องขอให้ประชาชนสนับสนุน ตนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ พวกเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจ
ตนเชื่อประชาชนมีความตั้งใจอยากเห็นผู้ที่เป็นผู้แทนของเขาทำแบบนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนคิดเหมือนกัน เห็นปัญหาของประเทศเหมือนกัน ขอให้พวกเรา ขอให้ประชาชนเลือกตั้งครั้งหน้าเลือกรวมไทยสร้างชาติ ทั้งประเทศ เราจะพิสูจน์ให้ดูว่าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศนี้ ไม่ใช่ยิ่งใหญ่ที่ขนาดใหญ่ แต่ยิ่งใหญ่ที่หัวใจที่มุ่งมั่นทำงานแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ตนเป็นผู้นำวันนี้ก่อนมีอำนาจพูดอย่างไร หลังมีอำนาจก็พูดแบบนั้น ต้องการแก้อะไรหลายคนก็จะทำแบบนั้น
คนชั่ว คนโกง ต้องฆ่าทิ้ง
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาต่างๆ ของประเทศที่พัฒนาทวีขึ้นมาเป็นวิกฤติและมีหลายระดับ มีหลายเรื่อง แต่วิกฤติหลักๆ ที่ต้องเร่งแก้ไขด้วยความเด็ดขาดมีอยู่ประมาณ 5-6 เรื่อง และนอกจากต้องแก้ไขวิกฤติทุกวันเด็ดขาดแล้วประเทศไทยต้องพลิกโฉม เรื่องที่ไม่ใช่วิกฤติแต่มันทำให้เป็นปัญหาของประเทศที่ทำให้ประเทศกำลังจะเดินไปสู่หายนะ ถ้าไม่เด็ดขาดในการแก้วิกฤติและพลิกโฉมประเทศไทย ประเทศไทยเปรียบเสมือนบ้านของเรา เรื่องแรกคือ ต้องพิทักษ์เอกราช คนโกง คนชั่วเต็มแผ่นดิน พวกนี้ต้องฆ่าทิ้ง ส่วนพวกที่ขายยาเสพติดต้องเอาไปปล่อยเกาะให้หมด แต่เราทำได้สองอย่างคือ คนดีต้องช่วยคนจน คนมีความรู้ต้องช่วยกันเป็นเศรษฐกิจฐานราก ที่ผ่านมาต้องเรียกร้องให้ลดค่าไฟ วันนี้ไม่ต้องเรียกร้องแล้ว ถ้าเป็นสมัยตนจะประกาศลดราคาพลังงานเหลือ 3.71 บาทต่อหน่วย คนป่วย คนพิการ เด็กที่ยากจน ไปเรียนต้องพักการเรียน เพื่อกลับมาดูแลพ่อแม่หรือคนป่วย งบประมาณมี หน่วยงานของรัฐมี แต่เราปล่อยให้สังคมเป็นแบบนี้ สุขภาพพลานามัยของประชาชน และค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาสังคม เป็นวิกฤติ
ยกผู้นำต้องเด็ดขาด รื้องบประมาณ
สุดท้ายที่ลืมไม่ได้คือ เกษตรกร วิกฤติเกษตรกร ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม แต่ในความเป็นจริงไม่มีปุ๋ย เพราะปุ๋ยต้องนำเข้า แล้วมันจะเป็นเกษตรกรรมได้อย่างไร ซึ่งนายทุนเป็นคนนำเข้าปุ๋ย ดังนั้น รวมไทยสร้างชาติจะทำปุ๋ยให้ชาวนาเอง ส่วนสินค้าเกษตรมีคนกลางตลอดเวลาเราต้องสร้างให้เกษตรกรมีโอกาสทำเงินมากขึ้น เราต้องหนุนเกษตรกรให้ลืมตาอ้าปาก มีโอกาสต่าง ๆ นโยบายนี้ทิ้งไม่ได้ เราต้องหนุนเกษตรทำกินทำเงิน ให้เขาทำกินและทำเงินใช้ โดยต้องลดต้นทุนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย น้ำมัน หรือไฟ ต้องมีทุนต้องมีตลาด ต้องนำเทคโนโลยีต่าง ๆ รุ่นใหม่เข้ามา การแก้ปัญหาทุกอย่างคนที่เป็นผู้นำต้องเด็ดขาดในการแก้วิกฤติให้เป็นวงกลม ต้องแก้ไขเป็นทีม ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน ที่สำคัญนอกจากวิกฤติพื้นฐานของประเทศที่เราจะต้องปรับ เพื่อพลิกโฉมประเทศนี้ใหม่ คือต้องคืนอำนาจประชาชน อำนาจสูงสุดในประเทศนี้ไม่ใช่นักการเมือง แต่เป็นกฎหมาย ระบบกฎหมายวันนี้ในประเทศไทย ระบบราชการในประเทศไทย ทุกอย่าง คืออยู่ในอำนาจข้าราชการ คือต้องเอาอำนาจราชการกลับคืนให้ประชาชนดำรงชีวิต ดำรงชีพได้อย่างง่าย ไม่ต้องไปขอ ไม่ต้องไปไหว้วอน ข้าราชการไม่กี่แสนคนยิ่งใหญ่จากประชาชนได้อย่างไร ตนนั้นไม่ยอมแน่นอน ถ้าไม่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในตรงนี้อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นนอกจากความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยกันสู้คือคืนอำนาจให้ประชาชนจะช่วยทำให้เราพลิกโฉมได้ รวมถึงเรื่องงบประมาณ ถ้าตนมีอำนาจ ตนจะรื้อระบบงบประมาณใหม่ ทุกคนต้องช่วยกันรื้อเปลี่ยนงบประมาณของประเทศ เพื่อตอบสนองประชาชนเป็นอันดับแรก
อยากเรียน ต้องได้เรียน
ส่วนเรื่องการศึกษา ต้องตอบสนองว่าเราจะผลิตคนไปทำอะไร พอจบมาไม่ตรงกับความต้องการของประเทศ ทำให้ไม่มีงานทำ การเรียนต้องทำให้เด็กมีความสุข ทำให้พ่อแม่มีความสุข อนาคตของประเทศอยู่กับเด็กเหล่านี้ ต้องไม่เป็นภาระให้กับผู้ปกครอง อยากเรียนอะไรต้องได้เรียนแบบที่อยากเรียน แต่วันนี้ระบบการศึกษาไม่ได้ตอบสนองต้องปรับเปลี่ยนให้เอกชนมีส่วนร่วม และสุดท้าย เด็กและอีกหลายคนต้องมีงานทำ และสิ่งสำคัญคือต้องมีการจ้างงานคนพิการให้มีงานทำ รวมถึงผู้สูงอายุที่ยังมีกำลังความสามารถในการทำงาน ซึ่งต้องเป็นการจัดงบประมาณจ้างงาน
แขวะ สส. ย้ายพรรคทนสิ่งยั่วยุไม่ไหว
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ตนเองดีใจที่พวกเราพร้อมเหมือนตน ใครที่ไม่พร้อมทนกับสิ่งยั่วยุ ไม่พร้อมทนกับผลประโยชน์ ใครที่ไม่ได้คิดจะมาแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์ส่วนรวมไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตน ที่สำคัญและไม่ใช่เพื่อเงินขอเชิญออกไป ทุกสตางค์ที่ลดค่าไฟ คือจำนวน สส.ที่ไม่อยู่แล้ว แต่ตนยังอยู่ และยังมีอีกเยอะมีประชาชนที่อยากเข้ามาร่วมงานการเมือง อยากเข้ามาทำงานให้กับประเทศ ขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ
เปิดตัวทีมงาน
ช่วงท้าย นายพีระพันธุ์ ได้เปิดตัว นายชัชวาล คงอุดม เลขาธิการพรรค, นายวิทยา แก้วภราดัย นายวิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายชื่นชอบ คงอุดม และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค, นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี และนายสามารถ มะลูลีม นายโกวิทย์ ธรานา พันเอกเฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา คณะกรรมการบริหารพรรค

