โรคเลื่อนเล่นงาน สว.ชุดใหม่ฝันค้าง ประธาน กกต.แจงชัดรับรองผลเลือก สว.ไม่ทันตามกำหนดแถมไม่มีความชัดเจนจะประกาศได้เมื่อไหร่ อ้างพิจารณาคำร้องยังไม่เสร็จ แสลงหูอย่าใช้คำว่า “เลื่อน” “สมชาย” จอมปูดเผย กกต.ประสานสำนักงานเลขาฯวุฒิสภา จ่อรับรอง 7 ก.ค. จี้ตรวจสอบโกงฮั้ว 4 พื้นที่ ฉะออกระเบียบไม่สุจริตเป็นโมฆะมาแต่ต้น “ชูศักดิ์” ชี้เป็นอำนาจศาลไม่ใช่ มท.1 สั่ง “ชาญ” หยุดปฏิบัติหน้าที่ พท.ยังตะแบงเทียบเคส สส.สอบตก อ้างมือกฎหมายสภาฯแนะนำ “อนุทิน” ชิ่งไม่เอาตัวไปเสี่ยงด้วย ศาลรธน.ขยับถกยุบก้าวไกล 17 ก.ค. “ปิยบุตร” เชื่อดูดงูเห่าส้มไปก็ไร้ประโยชน์
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์ชัดเจนยังไม่สามารถประกาศรับรองผลเลือก สว.ได้ตามกำหนดเดิม คือวันที่ 3 ก.ค. และไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าจะจะประกาศได้เมื่อไร โดยยกเหตุผลว่าการตรวจสอบ 614 เรื่องร้องเรียนยังไม่เสร็จสิ้น
กกต.แสลงหูเลื่อนรับรองผล สว.
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเลื่อนประกาศรับรองผลเลือก สว.ว่า อย่าใช้คำว่าเลื่อน ทุกอย่างต้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เสร็จ จึงประกาศรับรอง สว. ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้จะพิจารณาคำร้องเสร็จหรือไม่ นายอิทธิพร ตอบว่าไม่เสร็จ แต่หากยังไม่เสร็จก็มีหลักที่สามารถประกาศรับรองได้ หากเห็นว่าสุจริตเที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย เมื่อถามว่าสาเหตุที่ยังไม่สามารถรับรอง สว.คือเรื่องใด นายอิทธิพรตอบว่า ตามแผนที่จะประกาศรับรองวันที่ 3 ก.ค. ต่อเมื่อกกต. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วเสร็จ ดังนั้นจึงไม่ใช่เป็นการเลื่อน แต่ยังไม่เสร็จ เป็นการทำให้เสร็จแล้วจะประกาศ กกต.ตรวจสอบในสิ่งที่ได้รับร้องเรียน 614 เรื่องเบื้องต้น แล้วค่อยประกาศ ขออย่าใช้คำว่าเลื่อน เมื่อถามอีกว่าสัปดาห์หน้าจะเสร็จและประกาศรับรองได้หรือไม่ แต่นายอิทธิพรไม่ตอบคำถาม
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSxEH916AfrLeAKtBdlL51Gadr4cl.jpg)
สว.จอมปูดจ่อรับรอง สว.7 ก.ค.
นายสมชาย แสวงการ สว. ประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า สำนักงาน กกต.ประสานมายังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ให้เตรียมสถานที่รับรายงานตัวบุคคลที่ได้รับการประกาศให้เป็น สว. 200 คน และห้องทำงาน สว.ใหม่ ในวันที่ 7 ก.ค. กรณีที่ประธาน กกต.ระบุว่า วันที่ 3 ก.ค.ยังไม่สามารถประกาศรับรองผลการเลือก สว. เพราะต้องพิจารณาคำร้องให้เสร็จสิ้นก่อน จึงเป็นเพียงพิธีกรรม สว.ชุดเก่าทราบดีกำลังถูกไล่วันนี้เข้ามาเก็บของ หลักฐานการทุจริตเลือก สว. กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ ส่งรายละเอียดไปยัง กกต.แล้ว ขอเรียกร้องให้ตรวจสอบ คือ 1.คลิปวิดีโอหลักฐานทุจริตเลือก สว. ที่วัดแสงจันทร์ อ.ปางกู่ จ.ศรีสะเกษ ที่นักการเมืองและบุคคลใกล้ชิดแจกเงินให้บุคคลหลังวันโหวตระดับอำเภอมีคนใกล้ชิดของนักการเมืองนั้นลงสมัคร สว.ผ่านเข้ารอบสู่ระดับประเทศ 2.กรณี 2 สส.พรรคการเมืองใหญ่ จ.อำนาจเจริญ จัดเลี้ยงช่วงมี พ.ร.ฎ. เลือก สว. ที่มีน้องสะใภ้ สส.คนดังกล่าว และบุคคลที่ลงสมัคร สว.เข้าร่วมงาน 3.กรณี จ.บุรีรัมย์ พบการไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง หรือ 0 คะแนน 4.กรณี จ.ตรัง พบการเทคะแนนให้ผู้สมัคร สว.จาก อ.ห้วยยอด อย่าบอกไม่มีหลักฐาน
ออกระเบียบการเลือกไม่สุจริต
นายสมชายกล่าวต่อว่า หาก กกต.ไม่ดำเนินการตรวจสอบ และยืนยันการเลือก สว.ถูกต้องชอบธรรม เชื่อว่าจะมีผู้เสียสิทธิไม่ถูกเลือกเพราะถูกโกง ฟ้อง กกต.แน่นอน ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้การเลือก สว.ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ดังนั้น กกต.ยังมีเวลาตรวจสอบ ไม่ใช่อ้างไม่เห็น ปัญหากระบวนการเลือก สว.มาจาก กกต. ออกระเบียบการเลือกไม่สุจริต ก่อให้เกิดการตีความขยายความไปจากเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ สว.มาจากผู้เชี่ยวชาญ 20 กลุ่มอาชีพ อาจเอื้อประโยชน์ให้บางพรรคการเมือง การเลือก สว.ปี 2562 กกต.เคยออกระเบียบการรับสมัคร สว.ตามกลุ่มอาชีพที่กำหนดให้องค์กร หน่วยงาน วิชาชีพนั้น รับรองก่อนส่งสมัคร แต่ปัจจุบันเปิดช่องให้ประชาชนรับรองกันเอง ทำให้มีผู้สมัครที่ไม่ตรงสาขาอาชีพสมัครจำนวนมาก เชื่อว่าผู้สมัครกว่า 4 หมื่นคน มีผู้ไม่ตรงคุณสมบัติที่กฎหมายกำหนดถึง 2.5 หมื่นคน การที่ กกต.บิดเบือนกระบวนการสมัครดังกล่าวทำให้การเลือก สว.ไม่ชอบ และเป็นโมฆะมาตั้งแต่ต้น
พท.ชี้อำนาจศาลสั่ง “ชาญ” ยุติหน้าที่
ช่วงบ่ายที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายชาญ พวงเพ็ชร์ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี (นายก อบจ.ปทุมธานี) ถูกร้องเรียนเรื่องทุจริตและศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ประทับรับฟ้องว่า ความเห็นส่วนตัวคิดว่าความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ระบุว่านายชาญไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ น่าจะเป็นเรื่องของมติทั่วไป คนที่พ้นจากตำแหน่งและกลับมามีตำแหน่ง แล้วมีคดีแบบนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ อันนั้นคือคดีทั่วไป แต่ในกรณีนายชาญ ตามความเห็นตนคือมีคำร้องที่ศาล อาญาทุจริตแล้ว ศาลมีอำนาจสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อมีคำร้องไปที่ศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นเรื่องที่ศาลต้องสั่งไม่ใช่เป็นเรื่องของใครที่จะสั่ง ทั้งนี้เรื่องไปที่ศาลแล้วศาลประทับรับฟ้องแล้ว และศาลมีอำนาจทางกฎหมายที่จะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ควรเป็นไปตามแนวนี้
ไม่ใช่อำนาจของ “เสี่ยหนู” มท.1
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นผู้ชี้ขาดในเรื่องดังกล่าว นายชูศักดิ์ตอบว่าความเห็นตนคือถามว่าใครเป็นโจทก์ เมื่อ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ก็ควรร้องเข้าไป ถ้าต้องการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อเรื่องไปถึงศาล ศาลต้องใช้ดุลพินิจว่าจะให้หยุด หรือไม่ให้หยุด ไม่ใช่อำนาจของกระทรวงมหาดไทย
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSxEH916AfrLeAKxzWcpDKDZyON66.jpg)
ยังตะแบงเทียบเคส สส.สอบตก
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า กรณีแบบนายชาญ พวงเพ็ชร์ ว่าที่นายก อบจ.ปทุมธานี เคยเกิดเหตุที่สภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว มี สส.ของพรรคเพื่อไทยถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ขณะที่ดำรงตำแหน่ง และปรากฏว่าหลังยุบสภามีการเลือกตั้งใหม่ สส.คนดังกล่าวสามารถลงรับสมัครได้อีกครั้ง ได้สอบถามนักกฎหมายของสภาฯว่าหากได้เป็น สส.อีกจะปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ ได้คำตอบว่าคนละขั้นตอนกัน ตำแหน่งเดิมถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ตำแหน่งใหม่ที่ได้มาต้องว่ากันใหม่ ฝ่ายกฎหมายของสภาฯ เคยให้คำแนะนำมาแบบนี้ อดีต สส.คนดังกล่าวจึงไปลงสมัครเลือกตั้ง แต่ไม่ได้รับเลือกจึงไม่มีปัญหา ส่วนกรณีของนายชาญ เข้าใจว่าน่าจะเข้ากับเคสนี้ คือต้องรับรองแล้วศาลจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อีกหรือไม่ก็ได้ แต่ในความเห็นตน นายชาญผ่านการเลือกตั้งแล้วสามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ ส่วนศาลจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ยัน “สรวงศ์” ดูข้อกฎหมายดีแล้ว
เมื่อถามว่าเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีการะบุว่านายชาญต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติ หากมีการรับรองตำแหน่ง นายสมคิดตอบว่าเป็นแนวความคิดเห็นหนึ่ง แต่พรรคเพื่อไทยคุยกันอีกแนวทางว่าให้ไปปฏิบัติหน้าที่แล้วรอศาลสั่งหยุดหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรคิดว่ามีคนไปร้องอยู่แล้ว กรณีนี้มีแค่ 2 เรื่อง คือ หยุดโดยอัตโนมัติ หรือศาลสั่งหยุด เมื่อถามว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยตรวจสอบมาดีแล้วใช่หรือไม่ นายสมคิดตอบว่า เท่าที่สอบถามและดูรายละเอียดแล้ว รวมถึงนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยืนยันแล้วว่าดูละเอียดดีแล้ว ว่าเป็นการดำรงตำแหน่งคนละช่วงกัน เมื่อถามว่าหากสุดท้ายแล้วนายชาญต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จะส่งผลเสียต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมคิดตอบว่า ต้องแล้วแต่ศาลสั่ง หากนายชาญหยุดปฏิบัติหน้าที่จะมีรองนายก อบจ.ที่สามารถทำงานต่อได้ หรือหากไม่มีรองนายก อบจ.ก็เป็นปลัด อบจ.ที่จะบริหารงานต่อได้ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวนายชาญรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์แต่ยังไปสมัครใช่หรือไม่ นายสมคิดตอบว่า เชื่อว่า กกต.ได้ตรวจอย่างละเอียด และยืนยันว่าคุณสมบัตินายชาญ ไม่มีปัญหา แต่ตัวคำสั่งศาลตนไม่แน่ใจ
“อนุทิน” ชิ่งไม่เอาตัวไปเสี่ยงด้วย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่เสี่ยงตัวเองแน่นอนกับกรณีของนายชาญ พวงเพ็ชร์ ทุกอย่างมีข้อกฎหมาย ในความเป็นส่วนราชการเราต้องทำตามข้อเสนอแนะของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้รับรายงานมาในระดับหนึ่ง คนที่มีหน้าที่รับผิดชอบเบื้องต้น คือผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้บังคับบัญชาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีแนวทางดำเนินการมีขั้นตอนอยู่แล้ว หน้าที่ของ รมว.มหาดไทยมีเพียงสั่งปลดอย่างเดียว เราอย่าไปให้ถึงจุดนั้นเลย เพราะผู้บริหารองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ขอให้ทุกท่านได้ทำตามกฎหมายให้ได้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องใช้มาตรการอะไร ไม่รู้สึกหนักใจอะไร แม้จะเป็นคนของพรรคเพื่อไทย หรือต่อให้เป็นพรรคเดียวกันก็ตาม ทำผิดกฎหมายเพื่อเอื้อพรรคพวกเพื่อนพ้องไม่ได้ เพราะมีโทษทางอาญา เราคงไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายไม่ได้
เลี่ยงกลิ่นตุ กทม.เช่ารถเก็บขยะอีวี
เมื่อถามถึงกรณีที่ ป.ป.ช.ชงข้อเสนอแนะถึงครม. ตรวจสอบโครงการเช่ารถเก็บขนมูลฝอยพลังงานไฟฟ้า กทม. 842 คัน มูลค่าเกือบ 4 พันล้านบาท พบความเสี่ยงเกิดทุจริต นายอนุทินตอบว่า ยังไม่เห็นเรื่องดังกล่าว กทม.เป็นผู้กำกับดูแล หากมีปัญหาต้องฟังทางผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่าจะให้ดำเนินการอย่างไรบ้าง ในส่วนของ กทม.ก็เช่นเดียวกัน ผู้ว่าฯก็มาจากการเลือกตั้งมีอำนาจในระดับหนึ่ง ที่จะเป็นเอกเทศในการกำหนดนโยบาย ขณะที่ตนเป็นเพียงผู้กำกับดูแลเท่านั้น
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSxEH916AfrLeAK0VPurZpB6aAnPy.jpg)
“ปิยบุตร” โผล่ถก กมธ.ประชามติ
ที่รัฐสภา นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ สัดส่วนพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมนัดแรกว่า นอกจากมาประชุม กมธ.ยังถือโอกาสมาเจอเพื่อนๆที่เป็นนักการเมือง ทั้งในพรรค ก.ก.และต่างพรรค คุยเรื่องบ้านเมือง รัฐธรรมนูญ รวมถึงนิรโทษกรรม จุดยืนเรื่องการออกเสียงทำประชามติ เข้าใจว่าการตั้ง กมธ.นี้มาร่างไม่ค่อยต่างกัน คือ ใช้แค่เสียงกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิก็ถือว่าผ่านแล้ว หากจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นไปได้ ควรแก้เรื่องอื่นให้สมบูรณ์ด้วย
ย้ำเพื่อไทย-“ชาญ” ถือเป็นผู้ชนะ
นายปิยบุตรยังกล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานีว่า ผลถือว่าพรรคเพื่อไทยที่เสนอนายชาญ พวงเพ็ชร์ เป็นผู้ชนะ ทุกคนต้องยอมรับกติกา ส่วนกรณีที่นายชาญต้องคดีที่ศาลอาญาแผนกคดีทุจริต แล้วต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จะทำอย่างไรนั้น สามารถแก้เรื่องนี้ได้ 2 แบบ คือ 1.แก้ด้วยสปิริต ใครที่ได้รับเลือกโดนคดีทุจริตแบบนี้ก็ลาออกเลย เปิดทางให้มีเลือกตั้งใหม่ หรือพรรคการเมือง หรือตนเอง ก็อย่าไปลงสมัคร 2.แก้ด้วยกฎหมายก็จะยุ่งยาก เพราะใครที่โดนคดีห้ามลงสมัครเลยก็ไม่เป็นธรรม ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ จะมีปัญหาตามมาว่าเป็นการตัดสิทธิเกินเหตุ ส่วนทางออกเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร คิดว่า กกต.จะประกาศรับรองถ้าไม่มีเรื่องอื่น ย้ำว่าเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องของสปิริต ถ้าใช้กฎหมายจะเกิดความลักลั่น ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ลงพื้นที่หาเสียงช่วยนายชาญนั้น เป็นการประเมินความนิยมหรือไม่ ตอนนี้ยังแค่ 1 จังหวัด ยังตัดสินอะไรไม่ได้ มองด้วยความสนุก ตื่นเต้น การเมืองในมุมของประชาธิปไตยต้องแข่งขันกันหลายพรรค
ศาล รธน.ขยับถกยุบก้าวไกล 17 ก.ค.
วันเดียวกัน สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีการอภิปรายในคดีที่ กกต. โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรค การเมืองขึ้นใหม่ ภายในกำหนด 10 ปี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณา คดีให้รอฟังผลการตรวจพยานหลักฐานของคู่กรณีในวันที่ 9 ก.ค. และนัดพิจารณาคดีครั้งต่อไปในวันที่ 17 ก.ค.เวลา 09.30 น.
เชื่อดูดงูเห่าส้มไปก็ไร้ประโยชน์
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมคดียุบพรรค ก.ก.ต่อวันที่ 17 ก.ค.ว่า เท่าที่ฟังประธานศาลรัฐธรรมนูญแถลงยืนยันภายในเดือน ก.ย. คงตัดสินคดี ถือเป็นประโยชน์ต่อลูกความทั้ง กกต.และพรรค ก.ก. คดีนี้เป็นคดีสำคัญยุบพรรคที่ประชาชนเลือกมา 14 ล้านเสียง ประชาชนจับตาทั้งในและต่างประเทศ การที่ศาลเปิดให้ไต่สวนอย่างเต็มที่ อย่างน้อยที่สุดเป็นหลักประกันให้เห็นว่า ให้โอกาสสู้คดีอย่างเต็มที่ แต่ทางการเมืองในอนาคตคงเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว พรรคสำรองนั้นเป็นธรรมดาแต่ละพรรคต้องเตรียมไว้ เมื่อถามว่า สส.จะอยู่กับพรรคหรือไม่ นายปิยบุตรตอบว่า บริบทรอบนี้เสียงของรัฐบาลทิ้งห่าง คงไม่จำเป็นต้องดึง สส.พรรค ก.ก.ไป กระแสพรรค ก.ก.ก็สูงมาก บรรดา สส.ต้องคิดให้ดี อยู่กับพรรค ก.ก.เป็นการอยู่เพื่ออนาคตในการเลือกตั้งปี 2570 เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวงูเห่าออกมาตลอด นายปิยบุตรตอบว่า เป็นเรื่องธรรมดา มันเป็นเทศกาล ดึง สส.พรรค ก.ก.ไปก็ไม่มีประโยชน์ รัฐบาลมีเสถียรภาพเข้มแข็งดี
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04ajSxEH916AfrLeAKMUEteKHoyYkkZV.jpg)
กำชับ กอ.รมน.ขจัดยาเสพติด
ที่ กอ.รมน.เวลา 14.15 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) เป็นประธานการประชุมหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. (วาระพิเศษ) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. รอง ผอ.กอ.รมน. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ. เลขาธิการ กอ.รมน. และผู้แทนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม นายกฯกล่าวว่า เรื่องยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลจะวัดผลให้เป็นรูปธรรมให้ได้ภายในเดือน ก.ย. ยอมรับว่ายังมีปริมาณมากอยู่และเป็นงานยาก ขอให้ กอ.รมน.ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจเต็มตามกฎหมายความมั่นคง สนับสนุนอย่างเต็มที่สุดกำลังความสามารถ รัฐบาลจะใช้ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.น่าน เป็นโมเดลจังหวัดสีขาว ปราศจากยาเสพติดภายใน 3 เดือน ขอให้กองทัพ ตำรวจ ป.ป.ส. กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย บูรณาการเพื่อขจัดปัญหายาเสพติดออกจากสังคมไทย แต่ไม่อยากให้ใช้คำว่าลุยปราบ ได้พูดคุยกับนายกฯ สปป.ลาว ร่วมกับเลขาธิการ ป.ป.ส. และ ผบ.ทบ. รวมทั้งตำรวจตระเวนชายแดน อยากให้มีการประชุมร่วมกัน โดยเลขาฯ ป.ป.ส.จะนัดกับ สปป.ลาวอีกครั้ง รวมถึงเมียนมา
“พิธา” ฝังใจทวงสัญญา 3 ก.ค.66
อีกเรื่องที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานที่ประชุม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขอหารือก่อนเข้าสู่วาระการปะชุมว่า ฝากไปยังนายกฯ ครม. สส. และพรรคการเมือง ให้ร่วมผลักดันบันทึกความเข้าใจ หรือเอ็มโอยู ที่พรรคการเมืองต่างๆร่วมกันทำเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2566 ตามที่สัญญาไว้ อาจไม่ใช่เอ็มโอยูจัดตั้งรัฐบาลที่ทำไม่สำเร็จ เป็นสัญญาผลักดันวาระก้าวหน้าที่ให้ไว้ 3 ประเด็น ดังนี้ 1.การทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง 2.ความคืบหน้าการนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อความยุติธรรม นิติรัฐ นิติธรรม แก้วิกฤติการเมือง คนไทยที่เห็นต่างไม่ต้องติดคุก ไม่ต้องลี้ภัย 3.แก้ไขร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่ยังติดอยู่ที่นายกฯ เพราะถูกตีความเป็นกฎหมายการเงิน เพื่อปฏิรูปให้กองทัพทันสมัย และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง
เล็งเพิ่มประชุมสัปดาห์ละ 3 วัน
จากนั้นนายณัฐวุฒิ บัวประทุม กรรมการวิปฝ่ายค้าน เสนอให้เพิ่มวันประชุมสภาฯเพื่อเร่งพิจารณากฎหมายต่างๆที่ค้างอยู่จำนวนมาก โดยขอให้ประธานสภาฯนัดประชุมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลร่วมกัน ขณะที่นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลไม่ติดขัด นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ข้อหารือของนายณัฐวุฒิอาจเริ่มเดือน ส.ค.หรือเดือน ก.ย. ส่วนจะเพิ่มเป็นกรณีพิเศษหรือสัปดาห์ละ 3 วัน ตนเพิ่งกลับจากมาเลเซีย สภาฯมาเลเซียประชุมสัปดาห์ละ 4 วัน ดังนั้นจะให้วิปทั้ง 2 ฝ่ายหารือกันในสัปดาห์หน้า โดยให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ นัดวิปทั้ง 2 ฝ่ายและ ครม.ร่วมหารือ
ไทย-สปป.ลาวขันนอตปราบยา
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องทำงานชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ หารือทางโทรศัพท์กับนายสอนไซ สีพันดอน นายกฯสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน นายสอนไซกล่าวชื่นชมนายเศรษฐาที่มีบทบาทแข็งขันแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค สปป.ลาวพร้อมสนับสนุนทุกกลไก ขณะที่นายเศรษฐาย้ำถึงความร่วมมือ 4 ด้าน ได้แก่ 1.การประสานงานด้านการข่าว อาจร่วมกันลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยงบ่อยขึ้น 2.ไทยพร้อมให้ความร่วมมือด้านการสืบสวนและการขยายผลการจับกุมอย่างเต็มที่ 3.การแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยส่งเสริมการพัฒนาอาชีพให้ประชาชนห่างไกลยาเสพติด และ 4.ขอให้หน่วยงานในพื้นที่ระหว่างจังหวัดและแขวงที่มีชายแดนติดกันของ 2 ฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่