สพฐ.สัญจรลงพื้นที่ภาคตะวันออก จ.สระแก้ว ขับเคลื่อนนโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา

เมื่อเวลา 13.00 น. ของวันนี้ (30 มิถุนายน 2567) ณ หอประชุมเขียวชมพู โรงเรียนอรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) นำทีม สพฐ. ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาหนี้สินของครูและบุคลากรฯ โดยนำนโยบายสู่การปฏิบัติระดับพื้นที่ร่วมกับสถานีแก้หนี้ครู สพฐ. ภาคตะวันออก 

โดยมีนายภูมิวัชร์ อุดมทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยผู้บริหารทางการศึกษา ข้าราชการครูและบุคลาการทางการศึกษา ร่วมพบปะหารือแนวทางการเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคตะวันออก ที่ลงทะเบียนเข้ารับการแก้ไขหนี้สินกับ สพฐ. โดยมีข้าราชการและบุคลากรฯ ในพื้นที่ จำนวนกว่า 500 คน พร้อมด้วยผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้จัดการธนาคารออมสิน ผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออก เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ โรงเรียนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว พร้อมทั้งถ่ายทอดสดผ่านระบบออนไลน์ Facebook Live : ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา สพฐ. ไปยังผู้ชมที่สนใจทั่วประเทศอีกด้วย

นายภูมิวัชร์ อุดมทรัพย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งขับเคลื่อนนโยบายการลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรของ สพฐ. ทั้งบุคลากรที่อยู่ในระบบราชการและข้าราชการบำนาญ เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญกำกับติดตามอย่างใกล้ชิด จากการลงพื้นที่ภาคตะวันออกครั้งนี้ได้เห็นความเดือดร้อนและความต้องการของบุคลากรเราในพื้นที่หลายเรื่องที่ต้องการได้รับการแก้ไข เช่น การถูกฟ้องร้องบังคับคดี การเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินร้อยละ 6 ของธนาคารพาณิชย์ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ การรวมหนี้สิน การปรับโครงสร้างหนี้ การเจรจาต่อรองลดดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่ออเนกประสงค์ซึ่งปัญหาความต้องการเหล่านี้จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน 

นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า สำหรับการลงพื้นที่สัญจรภาคตะวันออก ที่จังหวัดสระแก้ว ครั้งนี้ ยังเห็นความเข้มแข็งของเครือข่ายสหกรณ์ออมทรัพย์หลายแห่งที่ได้เริ่มดำเนินการ เริ่มพยายามลดอัตราดอกเบี้ยลงมาที่ร้อยละ 4.75 มีการส่งเสริมสร้างรายได้ให้กับสมาชิกสหกรณ์ เพื่อเพิ่มรายได้ด้วยการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ เช่น เสื้อผ้า กาแฟ ขนม เป็นต้น ซึ่งเป็นต้นแบบที่ดีของการแก้ไขปัญหาหนี้สินทั้งระบบ สิ่งสำคัญที่ ทีมแก้หนี้ สพฐ. จะต้องเร่งขับเคลื่อนเพิ่มเติมคือรวบรวมปัญหาข้อเสนอขอความช่วยเหลือของลูกหนี้ไปวิเคราะห์จัดกลุ่ม และกำชับติดตามการหักเงินเดือนที่เหลือไม่ถึงร้อยละ 30 ให้หมดไปโดยเร็ว 

รวมทั้งสนับสนุนแนวทางการใช้มาตรการกลางในการแก้ไขหนี้ของรัฐบาลและกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดอกเบี้ย 3% ขยายระยะเวลาไปถึง 80 ปี หลังจากอายุ 80 ปี จ่ายคืนเฉพาะส่วนเงินต้น นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างความสำเร็จของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูสระแก้ว ในการจะปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือร้อยละ 4.75 ปรับดอกเบี้ยเงินฝากร้อยละ 2.60 สามารถสร้างความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสมาชิกสหกรณ์ได้เป็นอย่างดี

นางเกศทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันมีครูและบุคลากรทางการศึกษาลงทะเบียนสมัครใจเข้าร่วมโครงการแก้ปัญหาหนี้ 7,820 คน ในระบบแก้หนี้ออนไลน์ สพฐ. และมี สพท. ที่สามารถแก้ไขปัญหาสำเร็จอย่างน้อย 1 รายแล้ว 131 แห่ง ซึ่งประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่ม 1 คือ กลุ่มที่ถูกฟ้องดำเนินคดี สพท. สามารถไกล่เกลี่ยเพื่อชะลอการฟ้องร้องก่อนการดำเนินคดีหรือไกล่เกลี่ยระหว่างการพิจารณาคดีหรือไกล่เกลี่ยชะลอการฟ้องล้มละลายหรือประสานงานช่วยเหลือในชั้นบังคับคดีหรือไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าหนี้กับครูและผู้ค้ำประกัน 

และกลุ่ม 2 คือ กลุ่มสีแดงที่ไม่ถูกฟ้อง สพท. สามารถทำให้มีสภาพทางการเงินดีขึ้นหรือมีเงินเดือนเหลือมากกว่าร้อยละ 30 รวมทั้งสิ้น 740 คน คิดเป็นมูลหนี้กว่า 2,220 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2567) 

จึงขอขอบคุณ ดร.กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ดร.ขจร ธนะแพสย์ ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย และผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ภาคตะวันออก ผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ผู้จัดการธนาคารออมสิน ผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ภาคตะวันออก และทีมสถานีแก้หนี้ สพฐ. ทุกภาคส่วนที่ร่วมกันดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการในครั้งนี้อย่างเข้มแข็ง เพื่อให้ครูและบุคลากรมีความรู้และทักษะด้านการเงิน สามารถป้องกันและแก้ปัญหาด้านการเงินด้วยตนเองอย่างยั่งยืน สามารถเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย มีอาชีพเสริม และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้อย่างดีมีประสิทธิภาพสูงตามแนวทาง “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม” รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว

แบ่งปัน.
Exit mobile version