“อนุทิน” ดีลตรง “ทรัมป์” ขอลดภาษีนำเข้าสหรัฐ ต่ำกว่า 19% เชื่อ ผลเป็นบวก พร้อมหารือปัญหา เศรษฐกิจ สงคราม สแกมเมอร์ ยาเสพติด
วันที่ 29 ต.ค. 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ภายหลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกเป็นกรณีพิเศษ ที่นายอี แช-มย็อง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ
ได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ ในโอกาสที่ประชุมเอเปก โดยมีการพูดคุยขอให้ทรัมป์ได้ช่วยดูแลเรื่องภาษีของไทยให้ได้อัตราที่ดีขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าในการเจรจาจะเป็นไปในทิศทางที่ดี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ยังได้หารือแลกเปลี่ยนถึงเรื่องเศรษฐกิจ สงคราม สแกมเมอร์ และยาเสพติด รวมถึงความตกลงระหว่างประเทศ (Joint Statement) ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์
นายกฯ เผยการเจรจาภาษีศุลากร มีสัญญาณดี หลังพบ “ทรัมป์” ครั้งที่ 2
ต่อมาเมื่อเวลา 22.45 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ณ เมืองคยองจู ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน หลังการเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ แก่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็นกรณีพิเศษ และได้มีโอกาสพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่ามีสัญญาณดีในหลายเรื่อง ทั้งการคลี่คลายความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา หลังการลงนามถ้อยแถลงร่วมฯ ฝ่ายกัมพูชาก็ได้มีการเริ่มปฏิบัติการตามข้อตกลง ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้เตรียมการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ตามถ้อยแถลง โดยทั้งสองต่างมีเป้าหมายที่จะทำให้สำเร็จให้เร็วที่สุด
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจามาตรการภาษีสหรัฐฯ ว่า เรายังมีการเจรจาภาษีการค้ากันอยู่ กำลังรอร่างข้อตกลงล่าสุด (เวอร์ชั่นสุดท้าย) ที่จะลงนาม ซึ่งตนเองได้ขอให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนให้ประเทศไทยได้รับเงื่อนไขที่ดีมากกว่านี้ ท่านก็รับปากจะไปแจ้งให้กับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ที่รับผิดชอบ ให้มีการพูดคุยกัน เพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดี จากการที่ได้มีการพูดคุยกับประธานาธิบดีทรัมป์ถึง 2 ครั้งคือ ที่มาเลเซียครั้งหนึ่งและที่เกาหลีนี้ ก็ได้ย้ำกับท่านประธานาธิบดีอีกครั้ง ซึ่งท่านประธานาธิบดีได้รับปาก แสดงถึงทิศทางที่ดีสำหรับไทย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการร่วมประชุมเวทีระหว่างประเทศว่า สำหรับประเทศไทยเป็นสัญญาณที่ดีมากขึ้น จากการที่ได้ไปประชุมอาเซียน และต่อด้วยการประชุมเอเปค เชื่อว่า ไทยได้รับความสนใจจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยมีการหารือทวิภาคีกับผู้นำแทบทุกภาคีสมาชิก อาทิ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ด้วย

