ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์นี้หลังจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนกันยายนต่ำกว่าที่คาด ส่งผลให้เกิดการมองในแง่ดีว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในปลายสัปดาห์นี้
จากข้อมูลของบล.เอเชีย พลัส (ASPS) อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐฯ ในเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นเพียง 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี และ 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้ตลาดปรับราคาให้มีความน่าจะเป็น 98.3% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้กองทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
ความเชื่อมั่นยังดีขึ้นจากสัญญาณความคืบหน้าในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน ตลอดจนการเจรจาระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งทั้งสองอย่างนี้สามารถช่วยคลายความตึงเครียดในภูมิภาคได้
นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ซื้อสุทธิหุ้นไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา มูลค่ารวม 7.7 พันล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดเกิดใหม่
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนถึงแรงกดดัน “ขายตามความเป็นจริง” ที่อาจเกิดขึ้นหลังวันที่ 30 ต.ค. หากการเจรจาการค้าระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งล้มเหลวในการบรรลุความก้าวหน้าเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการพิจารณาคดีภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 5 พ.ย.
นอกเหนือจากการมองโลกในแง่ดีแล้ว ข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งทรัมป์เฝ้าสังเกตนั้น ได้รับการลงนามอย่างประสบความสำเร็จ และคาดว่าจะช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดนได้
การพัฒนานี้ควบคู่ไปกับความคืบหน้าในการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และไทย คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ASPS กล่าว
ในด้านภายในประเทศ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส (FSS) เปิดเผยว่า หุ้นของเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) พุ่งขึ้นกว่า 10% เมื่อวันจันทร์ แตะระดับสูงสุดที่ 231 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แข็งแกร่งขึ้น
FSS คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่สี่ของ DELTA จะเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาสและ 67% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้แรงหนุนหลักจากธุรกิจศูนย์ข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนของ AI และที่ไม่ใช่ AI
รายได้ค่าธรรมเนียมของบริษัทคาดว่าจะคิดเป็น 5-6% ของรายได้ทั้งหมด โดยฝ่ายบริหารตั้งเป้าการเติบโต 15-20% ต่อปีในปี 2569 ในขณะที่การขยายศูนย์ข้อมูลเร่งตัวขึ้น
แมสเทค ลิงค์ (MASTEC) จดทะเบียนใหม่ เปิดตัวอย่างแข็งแกร่งใน SET เปิดตัวที่ 1.78 บาท เพิ่มขึ้น 22.7% จากราคาเสนอขายครั้งแรกที่ 1.45 บาท ได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นของตลาดที่เป็นบวก
บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรม และให้บริการโซลูชั่นด้านการออกแบบ การติดตั้ง และการบำรุงรักษาแบบครบวงจร ซึ่งเป็นภาคส่วนที่เตรียมพร้อมที่จะได้รับประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังดำเนินอยู่ของประเทศไทยและการลงทุนด้านพลังงานสะอาด
ช่วงเช้า SET Index ขยับขึ้นมาสูงสุดที่ 1,345.86 จุด เพิ่มขึ้น 31.95 จุด ก่อนปิดที่ 1,330.19 จุด เพิ่มขึ้น 1.24%
วิลาสินี บุญมะสังสง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็กซ์ กล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในประเทศ รวมถึงโครงการจ่ายร่วม “คนละเครื่องพลัส” และแคมเปญการท่องเที่ยว “เที่ยวดีมีชื่น” คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคส่งท้ายปี
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงานจะเปิดตัวโครงการพลังงานสะอาดที่สำคัญ 4 โครงการในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงโซลาร์ฟาร์มชุมชนและปั๊มโซลาร์เพื่อการเกษตร ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท
ธปท.คาด GDP ไตรมาส 3 เติบโต 1.5% ก่อนจะผ่อนคลายลง 1.3% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ซึ่งจะทำให้การเติบโตทั้งปีอยู่ที่ 2.2% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว
ในด้านสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจากการพุ่งขึ้นนานเก้าสัปดาห์มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4,100 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ในวันจันทร์ เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ผ่อนคลายลงได้เปลี่ยนอุปสงค์ให้ห่างไกลจากแหล่งหลบภัย
อย่างไรก็ตาม JPMorgan และ Goldman Sachs ยังคงมีภาวะกระทิง โดยคาดการณ์ว่าทองคำจะเกิน 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในปี 2569-2570 โดยได้รับการสนับสนุนจากการซื้อของธนาคารกลางและสภาพแวดล้อมที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำลง






