ตามไทม์ไลน์ 2 ก.ค. กกต.ประกาศ สว.ครบ 200 คน
สว.ชุดรักษาการต้องกลับบ้าน ไม่มีเหตุผลที่อยู่ยาว
ประเดิมฉากแรก สว.ชุดใหม่ และปิดฉากสุดท้าย สว.ชุดเก่าที่ นายวันชัย สอนศิริ สว. ซึ่งกำลังตระเวนบรรยายฟรีๆ ถึง “การเลือก สว.สูตรพิสดาร” ให้องค์กรหรือกลุ่มอาชีพต่างๆ ได้เข้าใจ ตั้งแต่การลงสมัคร สว.เข้าไปเป็น “ผู้เลือก-ผู้ถูกเลือก” เลือกตรง และเลือกไขว้ตามสาขาอาชีพ ไต่ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ
สรุปให้เห็นภาพ หลังจากมีขบวนการที่พยายามใช้ทุกวิถีทางให้ สว.ชุดเก่าลากยาว สกัด สว.ชุดใหม่เข้ามามีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ (รธน.)
ไม่มีเหตุผลที่ไปยื้อยุดฉุดกระชากให้อยู่ต่อ ต้องรีบไป ให้ สว.ชุดใหม่เข้ามา เป็นไปตามรธน.เขียนชัด วาระ 5 ปีสิ้นสุดลงเมื่อมี สว.ชุดใหม่ พอ กกต.ประกาศปัง 200 คน สว.ชุดเก่าลอยอังคารอยู่ได้อย่างไร
ส่วนใครไม่พอใจก็ไปฟ้อง ผิดจริงหรือคุณสมบัติมีปัญหา กกต.ก็สอย และดึง สว.รายชื่อสำรองเสียบแทน
พร้อมตั้งข้อสังเกตนายกรัฐมนตรีแถลงพระราชกฤษฎีกาเลือก สว. แปลความได้ว่าต้องการให้ประกาศ สว.ชุดใหม่ 2 ก.ค. และเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ 3 ก.ค. เข้าใจว่าระหว่างรัฐบาลกับ กกต.คงหารือให้ขยับไทม์ไลน์เข้ามา เดิมประมาณ 13-14 ก.ค.
ประเทศไม่ควรมีเศษเสี้ยวรัฐประหารเหลืออยู่
เปิดให้บ้านเมืองเดินตามกติกาของประชาชน
รธน.ไม่ดีก็แก้ใหม่ เลือก สว.ชุดนี้ก็ให้มีไป ใครวิพากษ์เหลวแหลกแค่ไหน แต่ย่อมดีกว่า 2 คนตั้งแน่นอน ใครที่ไปแก้เก้อจะขอโหวตนายกฯ อีก มันจบไปแล้วตั้งแต่ สว.ครบวาระ 10 พ.ค. ไม่ควรมีเงื่อนไขเศษเชื้ออะไรให้มันอยู่
บรรดา สว.250 คน ใครมีมุมคิดเป็นไปในทิศทางตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้วบ้าง นายวันชัย บอกว่า พรรคพวกคิดไปต่างๆ นานา อย่าให้พูด ขอให้มีเพื่อนเอาไว้คุยบ้าง บางเรื่องให้มันจบไปกับตอนที่หมดวาระ บางเรื่องไม่ควรพูดตอนที่ยังเป็น สว.อยู่ บางเรื่องอาจพูดได้ชัดมากกว่านี้
ขอย้ำอยู่ครบ 5 ปี จบก็ต้องจบ แม้มีการเลือก สว.บนกติกาซับซ้อนซ่อนเงื่อนวกวนสับสน นวัตกรรมเลือกเป็นเขาวงกต เชื่อว่าดีกว่าแต่งตั้งแน่นอน เพราะระบบแต่งตั้งก็ไม่กล้าทำอะไรกับคนที่ตั้ง กลายเป็นผู้มีบุญคุณต้องตอบแทน ชั่วฟ้าดินสลาย สว.แต่งตั้งยังโดนดูแคลนเป็นพวกลากตั้ง ดูไม่ค่อยเท่ ไม่ค่อยมีเกียรติ
ส่วนระบบเลือกตั้งตรงจากประชาชน กลายเป็น สว.ของพรรคการเมือง เป็น สว.บ้านเล็กบ้านใหญ่ ไม่มีอิสระตามอำนาจหน้าที่
แต่ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์ 2 ขั้วระหว่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดแคมเปญ “สว.ประชาชน” กับผู้ที่เตรียมสมัครสวมบทนักวิ่งหา สส. พรรคการเมือง เข้าบ้านใหญ่ให้ช่วยสนับสนุน นายวันชัย บอกว่า สิ่งที่นายธนาธรเคลื่อนไหวไปบอกประชาชนทุกจังหวัด
ถ้ากระทำด้วยใจบริสุทธิ์ ไร้วาระซ่อนเร้น
นับเป็นการช่วย กกต. เพราะภารกิจที่เดินสายไปปลุกระดมประชาชนตื่นตัวลงสมัครเยอะๆ เป็นหน้าที่ของ กกต. แต่กลายเป็นนายธนาธรไปปลุก
“หากไปปลุกเฉยๆ แล้วประชาชนลงสมัคร ไม่ใช่เครือข่ายของพรรคก้าวไกล-คุณธนาธร เหมือนที่ผมไปบรรยายชักชวนให้คนลงสมัครเยอะ ก็ทำได้
แต่ถ้าผมมีวาระซ่อนเร้น ไปสนับสนุน ไปเป็นเครือข่าย ต้องการให้มาเป็นสมัครพรรคพวก ให้เอาคนนั้น ไม่เอาคนนี้ ผิดกฎหมายทั้งสิ้น อยู่ที่ กกต.จับได้ไล่ทันหรือไม่
กรรมมันเป็นเครื่องชี้เจตนา ทั้งหมดเชื่อว่า กกต.ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ถ้าคุณธนาธรกำลังทำอะไรที่หมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย กกต.ต้องสั่งระงับยับยั้ง อย่าปล่อยให้เลยเถิด”
ดูพฤติการณ์นายธนาธรตรงไหนที่หมิ่นเหม่ขัดกฎหมายอย่างไร นายวันชัย บอกว่า เชื่อโดยสุจริตใจ ใครทำในลักษณะนี้ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ เป็นความบริสุทธิ์ผุดผ่องโดยไม่มีวาระซ่อนเร้น ผมไม่เชื่อ
ใครพูดไม่รู้ว่ามี สว.อยู่ในมือแค่ 70-80 คน สามารถแก้ รธน.ได้ ก็เป็นพวกเดียวกันได้แล้ว ต้องการสร้างเครือข่าย สว.เป็นกอบเป็นกำอยู่ใต้อาณัติ ไม่แสดงออกชัดเจน มันเป็นเรื่องที่อยู่ในใจ จุดนี้ขัดต่อเจตนารมณ์ รธน. ขัดต่อเจตนารมณ์เลือก สว. ขัดต่อเจตนารมณ์กติการะเบียบ ข้อบังคับ กกต.จับได้ไล่ทันหรือไม่
เข้าข่ายสนับสนุน-เชื่อมโยงพรรค การเมือง
ทำไมนายธนาธรถูกจับตาอยู่ฝ่ายเดียว ต่างกับขบวนการเคลื่อนไหวใต้ดิน ใช้บริการพรรคการเมือง ฮั้ว ซื้อเสียง เคลื่อนไหว กลับไม่ถูกโฟกัส นายวันชัย บอกว่า กลุ่มใต้ดินหรือกลุ่มจัดตั้งหรือกลุ่มเครือข่าย
ถ้าสามารถทำได้จังหวัดละ 1,000 คนใน 20 สาขาอาชีพ เชื่อว่าคนนั้นได้ ถ้าทำทั้งประเทศต้องใช้ผู้สมัคร สว. เกือบ 1 แสนคน ฉะนั้นคนทำต้องเป็นคนมีศักยภาพสูง และมีเครือข่าย
นวัตกรรมเลือก สว.ครั้งนี้ขอให้มองช็อตต่อช็อต ทั้งระดับอำเภอ ระดับจังหวัด บ้านใหญ่ บ้านเล็ก ผู้มีอิทธิพล เครือข่ายจัดตั้งสามารถทำได้ แต่ระดับประเทศที่จะฮั้วทั้งหมด ไม่ง่าย ไปติดต่อ ไปหาเสียง ไปเจรจา ผิดกฎหมายหมด หากคนตั้งใจทุ่มเทวางแผนจริงๆ ก็มีสิทธิ์ได้ แต่ผิดกฎหมาย ถ้าจับไม่ได้ก็ลอยหน้าลอยตาเป็น สว.ต่อไป
ดูภาพรวมมีโอกาสได้ สว.ประเภท “ซื้อเสียง-ฮั้ว-หิวแสง” เข้ามา ขัดต่อเจตนารมณ์ รธน.ที่ต้องการได้ “ผู้ทรงคุณวุฒิ” เข้ามาทำหน้าที่
นายวันชัย บอกว่า คนเด่น คนดัง กลุ่มอาชีพเดียวกันจะฆ่ากันหมด เช่นเดียวกับคนที่ไม่มีเครือข่าย ไม่มีพวกอาจมีโอกาสได้บ้าง
สุดท้ายคนมีเครือข่าย-มีพวกเท่านั้นมีสิทธิ์ได้
สว.ฮั้ว และซื้อเข้ามาเยอะ บนอำนาจหน้าที่ที่ต้องทำ อาทิ เลือกกรรมการองค์กรอิสระ หยุดสมรภูมินิติสงคราม มันเป็นทางตันประเทศ เป็นระเบิดเวลาก่อให้เกิดวิกฤติประเทศอย่างไร นายวันชัย บอกว่า ไม่เป็นหรอก
เพราะขนาด สว.แต่งตั้งเลือกกรรมการองค์กรอิสระ อาจถูกมองว่าเป็นระเบิด สุดท้าย สว.ทำหน้าที่ 5 ปีโดยยังไม่มีระเบิด เช่นเดียวกับ สว.ชุดใหม่เชื่อว่าคงไม่เลือกคนที่เลวร้าย คนชั่ว ไปเป็นกรรมการองค์กรอิสระ เพราะแนวคิด วิธีการของเขาอยากได้คนที่มันเพียวๆ ไม่ได้อยู่ในอาณัติ
ตามดวงดาว และโหราศาสตร์ สว.ชุดใหม่เติมเต็มให้ฝ่ายนิติบัญญัติเดินไปได้ ไร้ปัญหา นายวันชัย บอกว่า สว.เป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเหตุของการเปลี่ยนแปลง กระทบกระทั่งอะไร เพราะไม่มีสิทธิ์โหวตนายกฯ แค่กลั่นกรอง และตรวจสอบ
สภาพตามจริงเท่าที่เป็น สว.มา ใครมีอำนาจ สว.มักไหลไปอยู่กับผู้ที่มีอำนาจ บางคนทักว่าเดี๋ยวรัฐบาลซื้อไปหมด ไม่จริงหรอก ถึงไม่ต้องซื้อก็เห็นมีคนไป เห็นมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
สถานการณ์บ้านเมืองดูจากดวงดาว และการเมืองที่เป็นจริง กล้าพูดตรงไปตรงมาว่า ในฐานะโหราศาสตร์ ไม่ใช่รู้เฉพาะดวงดาว รู้กระทั่งอินไซต์ทางการเมือง
บ้านเมืองจบนับตั้งแต่ “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกฯ จบความขัดแย้ง จับแย่งชิง จับแบ่งสีแบ่งฝ่าย เวลาจบใหม่ๆ อะไรที่จะเข้าที่เข้าทาง ย่อมต้องกระเพื่อมนู่นกระเพื่อมนี่บ้าง
แต่ดีกว่าที่เราแบ่งสีแบ่งฝ่ายห้ำหั่นกัน
ข้อมูลภายใน-ดวงดาวบอกว่า 30 เม.ย.นี้ ดาวพฤหัส ดาวสำคัญ ดาวใหญ่ ดาวอำนาจ ดาวผู้ทรงอิทธิพลย้ายเข้าราศีพฤษภ อำนาจทั้งการเมือง ผู้มีอำนาจเต็มทางการเมือง จะมีพลังขับเคลื่อนที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ผู้มีอำนาจเต็มทางการเมืองกระชับอำนาจมากขึ้น
อะไรอยู่ในที่ลับมันก็แจ้ง บางทีเห็นลับๆอยู่เบื้องหลัง เริ่มแย้มออกมาให้เห็นชัดเจน ความสว่างไสวก็เกิดขึ้น
26 พ.ค.67 ดาวใหญ่ๆของบ้านของเมืองมาชุมนุม แล้วออกจากราศีเมษเข้ามาอยู่ในราศีพฤษภ เดิมทีแค่พฤหัสย้ายดวงเดียวก็พอแล้ว ดันมีอาทิตย์ ดาวพุธ ดาวจันทร์ ดาวเสน่ห์ ดาวเจรจา รวมทั้งดาวเห็นการเปลี่ยนแปลงมฤตยู อริเป็นมรณะ ฝ่ายค้านก็ได้ ไม่มีแรง บริบททางการเมืองเปลี่ยน เกิดเสถียรภาพ
บริบททางการเมืองตอนนี้มี “เพื่อไทย-ก้าวไกล” โดยเพื่อไทยมีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นหัวหอก ก้าวไกล มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นหัวหอก กระดานการเมืองมันจบ ไม่มีรัฐประหาร ต่อไปพรรคเพื่อไทยไม่มีผลงาน ไร้ฝีมือ กุมสภาพไม่ได้ ก็เสร็จพรรคก้าวไกล
เขาตกลงกันหมดแล้ว สู่โหมดปรองดองสมานฉันท์
ความศิวิไลซ์แห่งประเทศ แห่งบ้านเมืองจะบังเกิด.
ทีมการเมือง
คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม