หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กานต์ วิภากร ได้เปิดความเจ้าเล่ห์ของสามี เสก โลโซ ให้โลกได้รับรู้ ด้วยการปลุกเมียให้ไปเบิกเงินสด 30 กว่าล้าน เพื่อไปซื้อที่ดินให้ตัวเอง ซึ่งตอนนั้นกานต์บอกว่า ก็ทำตามที่เจ้าตัวบอกแบบงงๆ
ก่อนจะมาเล่าให้ฟังต่อถึงมูลค่าของที่ดินผืนดังกล่าวที่เจ้าตัวเคยซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อน ว่าตอนนี้ที่ดินผืนดังกล่าวมีมูลค่ามหาศาลมากๆ จาก 30 กว่าล้าน ตอนนี้มีราคา 380 ล้านบาทเลยทีเดียวว่า
“ความเจ้าเล่ห์ของเสกโลโซ ต่อนะคะภาค 2” คนไทยอ่านหนังสือได้หลายบรรทัดแล้วนะคะตอนเนี้ย อย่าให้เสียชื่อนะ อ่านต่อนะคะ!
“ในที่สุดเราก็ได้ที่ดินแปลงใหญ่ใจกลางเมือง จากราคาที่เราเบิกเงินอย่างงงงงเมื่อวานนี้เล่าให้ฟังแล้ว ใครยังไม่รู้เรื่องย้อนไปดูโพสต์ก่อนหน้านี้เมื่อวานนะคะ เสกก็พากานต์ไปดูที่ดิน (กูจะดูเป็นไหมเนี่ย มึงก็รู้ตรงไหนวะที่ของกู ทำไมไม่ล้อมรั้วให้กูดู เพราะว่ากูจะโง่เข้าใจปะเสก?)
ในเวลาต่อมามีนายหน้าเยอะมากที่โทรมาขอซื้อที่แปลงเนี้ย แต่เราไม่ยอมขายแม้จะเสนอราคามาเยอะขนาดไหนก็ไม่ขาย เสกเจ้าเล่ห์อยากจะขาย ไม่รู้ทำจะเอาเงินไปเก็บทำไม เราก็บอกว่าตอนสมัยเนี้ยเค้าไม่เอาเงินสดเก็บไว้นะ เค้าจะเอาเก็บไว้กับที่ดิน ซื้อที่ดินไม่มีวันขาดทุน เธอจะเอาเงินไปทำไม
ในที่สุดก็เข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล แบ่งสมบัติสินสมรสที่ดินแปลงนี้ เสกเจ้าเล่ห์มาตีสนิทตอนที่เรายังดีกัน หลอกล่อให้เราเอาเปอร์เซ็นต์แค่ 20% แต่ว่าพี่แกพลาดเมื่อวานเนี้ยทะเลาะกัน สมมติว่าวันเนี้ยไปศาล แต่เมื่อวานทะเลาะกัน และรับปากไปด้วยว่าจะเอาแค่ 20% คือเราอะเป็นคนที่ขอก็ให้ ใครอยากได้อะไรก็ให้อะไรอย่างเงี้ย คือเอาไปเหอะ ถ้ามากล่อมอะไรอย่างเงี้ย พี่แกกล่อมเก่งไง แต่แม่งพลาดเสือกมาทะเลาะกับกูเมื่อวาน ไม่ยอม ตามที่รับปากไว้คือ 20% ไม่ยอมขาย กานต์บอกกับศาลว่ากานต์ไม่ขายจบเลย
ไม่น่าเชื่อว่าท่านใดที่ดูแลและครอบครัวลูกอยู่ ลูกขอขอบพระคุณอย่างสูงที่ทำให้พวกเรายังมีที่แปลงใหญ่ใจกลางเมืองเกือบหกไร่ ราคาตอนนี้มีคนจะซื้อถึง 380 ล้านบาท จากที่ถูกหลอกให้ไปเบิกธนาคาร 30 กว่าล้านบาท
และในขณะที่ดวงของเราทั้งคู่ตกต่ำถูกหลอก เสกทำธุรกิจซึ่งเป็นกฎเหล็กของเรา คือ ห้ามศิลปินยุ่งเกี่ยวธุรกิจ ทำไมรู้ไหม ในระหว่างที่เราใช้ชีวิตกันเป็นครอบครัว เราจะไม่ยอมให้เสกมาเกี่ยวข้องหรือทำงานที่เกี่ยวกับตัวเลขและธุรกิจ ไม่อยากให้ทำ ไม่ยอมทำธุรกิจใดใดนอกจากร้องเพลงแต่งเพลงเท่านั้น นี่คือกฎของเรา!!
ศิลปินและนักธุรกิจใช้สมองคนละขั้ว ถ้า Artist มายุ่งเกี่ยวธุรกิจและตัวเลข ผลงานทางศิลปะมาตรฐานจะลดลง ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ในความคิดเราคิดอย่างนี้ ในที่สุดเราก็แยกทางกัน ความฉิบหายก็เลยบังเกิด เสกทำธุรกิจเลอะเทอะมั่วไปหมดจนพัง เหมือนที่เค้าโพสต์เป็นข่าวอะไรของเค้าอะ โดนไปเกือบร้อยล้าน แต่กานต์ก็ไม่แพ้เสกอีกต่างหากเหมือนกันค่ะ โดนพอๆ กัน เสียเงินไปเกือบร้อยล้านพอกัน บอกตรงๆ ว่าเราไม่เคยรู้จักกับคำว่าโกง ไม่เคยรู้จัก คนโกงเป็นยังไง ก็เลยทบทวนว่าเราเป็น “นกน้อยในกรงทอง” นี่เอง ตอนเด็กๆ พ่อเป็นตำรวจชั้นสูง เมื่อเราเป็นลูกใครจะกล้า? โพสต์หน้านะคะ”