เข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว 2 ผู้สมัคร สส.กาญจนบุรี จากพรรค “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” เปิดใจก่อนวันเลือกตั้ง 19 ต.ค. 2568
วันที่ 17 ต.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 แทนตำแหน่งที่ว่าง มีผู้สมัครจากพรรคการเมือง 2 คน ประกอบด้วย น.ส.วิสุดา วิเชียรศิลป์ หรือ น้องดรีม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เบอร์ 1 และ พล.อ.ดร.ชินวัฒน์ แม้นเดช หรือ บิ๊กเลน ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย (พท.) เบอร์ 2 การหาเสียงเริ่มเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว
ขณะที่ผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรค ยังมีเวลาไปจนถึงเวลา 18.00 น. ของวันเสาร์ที่ 18 ต.ค. 2568 จากนั้นต้องหยุดหาเสียงในทันที ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 19 ต.ค. 2568 เป็นวันเลือกตั้ง เริ่มเวลา 08.00-17.00 น. หลังปิดหีบนับคะแนนคาดว่าไม่เกินเวลา 20.00 น. จะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการ โดย กกต.ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 61% จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 133,310 คน 254 หน่วยเลือกตั้ง
จากการติดตามการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัครจากทั้ง 2 พรรคการเมือง พบว่าใช้เวลาตั้งแต่รุ่งเช้าไปจนถึงดึกทุกวัน ถึงแม้ฝนจะตกแดดจะร้อนก็ไม่มีใครท้อถอย ทุกคนยังคงมีความเข้มแข็งและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะใจ เพื่อเรียกเสียงคะแนนจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่แพ้กัน การหาเสียงของผู้สมัครทางสื่อสังคมออนไลน์ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและได้ผลเป็นอย่างดี ซึ่งจะพบว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีการประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นประจำทุกวัน ด้วยการให้ทีมงานถ่ายคลิปพร้อมบทสัมภาษณ์ของผู้สมัครมาโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก
พล.อ.ดร.ชินวัฒน์ แม้นเดช ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.กาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรคเพื่อไทย (พท.) เบอร์ 2 กล่าวว่า ตั้งแต่ลงพื้นที่หาเสียงและได้พบปะพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่ของเขตเลือกตั้งที่ 4 ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นราคามันสำปะหลัง ราคาข้าว ราคาอ้อย รวมถึงราคาพืชไร่ชนิดอื่นๆ และราคาวัว
ส่วนสิ่งที่เป็นความเร่งด่วนที่ผมต้องทำเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ก็คือการแก้ไขปัญหาด้วยการนำเกษตรกรแต่ละสาขาอาชีพมารวมตัวเป็นกลุ่ม เพื่อให้เกิดพลังในการต่อรองราคา ทั้งราคาต้นทุนการผลิตและราคาซื้อขายผลผลิต เช่น กลุ่มผู้ปลูกมันสำปะหลัง กลุ่มชาวนา แล้วก็กลุ่มผู้เลี้ยงวัว มันต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ ถามว่ารวมกลุ่มเพื่ออะไรก็เพื่อให้เกิดอำนาจการต่อรองราคาเพื่อลดต้นทุนการผลิต ถ้าเราสามารถจับมือรวมกลุ่มกันได้ แทนที่เราจะแยกกันไปซื้อปุ๋ยกันเองแบบซื้อปลีก ซึ่งจะต้องซื้อมาในราคาที่แพง เราก็รวมกลุ่มกันซื้อมาครั้งละ 5-10 ตันไปเลยทีเดียว ซึ่งจะทำให้ลดต้นทุนการผลิตลงได้อย่างชัดเจน
ที่สำคัญกลุ่มเกษตรกรในแต่ละกลุ่มนั้น ยังสามารถต่อรองราคาการซื้อขายกับพ่อค้าคนกลางได้อีกด้วย เพราะพ่อค้าคนกลางก็อยู่ได้ ชาวไร่ ชาวนา และกลุ่มผู้เลี้ยงวัวก็อยู่ได้ด้วย นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเร่งด่วนที่ต้องทำ และผมก็อยากทำให้พี่น้องได้รวมกลุ่มกันเพื่อมีพลังอำนาจในการต่อรองกับรัฐบาล ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ก็ดี กระทรวงการต่างประเทศก็ดี ต้องหาตลาดในการระบายผลผลิตเหล่านี้ ถ้ารัฐบาลหาตลาดโลกได้มันก็สามารถที่จะทำให้ราคามันสำปะหลัง ราคาข้าว ราคาพืชผลการเกษตรอื่นๆ มันสูงขึ้น
แต่มันต้องอาศัยรัฐบาลที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในอีกไม่นาน เมื่อถึงวันนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยสามารถเข้าไปจัดตั้งรัฐบาลให้มีเอกภาพ ผมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจากพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน
สรุปการที่ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สิ่งที่ต้องจัดการเร่งด่วน คือ การรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อลดต้นทุนการผลิต จากที่เคยซื้อปุ๋ยราคาปลีกเป็นการซื้อเป็นตันในราคาส่ง และทำให้ต่อรองราคากับพ่อค้าคนกลางได้ ผมมีการวางแผนและมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อแก้ไขปัญหาและเป็นปากเสียงให้กับพี่น้องประชาชน อยู่แล้ว” พล.อ.ดร.ชินวัฒน์ แม้นเดช ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สส.กาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรคเพื่อไทย (พท.) เบอร์ 2 กล่าว
ขณะที่ น.ส.วิสุดา วิเชียรศิลป์ หรือ น้องดรีม ผู้สมัคร สส.กาญจนบุรี เขตเลือกตั้งที่ 4 พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 1 กล่าวว่า เคยบอกมาตั้งแต่ตอนสมัครแล้วว่า ดรีมไม่ได้มองว่าดรีมเข้ามาเล่นการเมือง แต่ดรีมต้องการเข้ามาเป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชนชาวเขต 4 แค่ 4 เดือนนี้เท่านั้น แต่ดรีมมองว่าพรรคภูมิใจไทย สามารถเป็นรัฐบาลได้อีก 4 ปีข้างหน้า แล้วก็มองว่าศักยภาพของตัวดรีมเอง หากมีผลงานเป็นที่ประจักษ์จะสามารถเป็น สส.ได้ถึงอนาคตอีก 40 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ตนไม่ได้มาเล่นการเมือง แต่มาทำการเมืองเพื่อประชาชน เพราะการเมืองที่แท้จริงนั้นอยู่ในทุกชีวิตของเรา การเมืองอยู่ในราคาข้าวที่ชาวนาขายได้ การเมืองอยู่ในราคาพืชผลทางการเกษตรที่เกษตรกรจะขายได้ การเมืองอยู่ในถนนทุกเส้นที่ประชาชนและลูกหลานใช้ในการสัญจรไปมา และการเมืองมันเป็นทุกเรื่องของชีวิตคนเรา
สำหรับจุดอ่อนของพื้นที่ที่พบคือ ปัญหาเรื่องปากท้อง ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐาน เช่นถนนส่วนใหญ่เป็นถนน 2 เลน ส่วนพื้นที่ที่เป็นถนน 4 เลนนั้นน้อยมาก และยังมีถนนที่เป็นทางลูกรังอยู่อีกนับพันกิโลเมตร เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับพื้นที่อื่นแล้ว ถือว่ามีความเจริญน้อยมาก
โดยจุดอ่อนที่มีจะนำไปแก้ไขและพัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็ง เพราะประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 4 ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร ผลผลิตที่ได้มาแต่ละชนิดจะนำไปสู่การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน หากประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ผู้คนจำนวนมากก็จะหลั่งไหลเข้ามาศึกษาดูงานจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว เยาวชนที่จบการศึกษาจะมีงานทำโดยไม่ต้องอพยพไปหางานทำที่ต่างจังหวัดหรือกรุงเทพฯเหมือนในอดีตอีกต่อไป ปัญหาต่างๆ ที่ประชาชนในพื้นที่พบเจอมา เชื่อมั่นว่าจะสามารถนำมาแก้ไขให้ได้อย่างยั่งยืนแน่นอน และเชื่อว่าประชาชนในพื้นที่เขต 4 มีความเชื่อมั่นในตัวเราด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าตนจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่ขออาสาเข้ามารับใช้พี่น้องประชาชน หลายคนอาจจะมองว่ามีประสบการณ์น้อย แต่ตนกลับมองว่าประสบการณ์การทำงานของแต่ละคนนั้นไม่ได้วัดกันด้วยอายุที่จะนำมาตัดสิน ตนเชื่อว่าคนรุ่นใหม่อย่างเรามีทั้งพลังและมีความตั้งใจที่จะทำเพื่อประชาชนและพี่น้องจริงๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในสังคมไทยเชื่อว่าการทำงานจะใช้คนรุ่นใหม่ 100% เลยนั้นไม่สามารถทำได้ จะใช้คนรุ่นผู้ใหญ่ 100% เลยก็เชื่อว่าทำไม่ได้เช่นกัน
แต่ถ้าหากนำประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน มาบวกกับพลังของคนรุ่นใหม่ แล้วมาทำงานร่วมกัน จะทำให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าได้เป็นอย่างดี และจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด ซึ่งตนมองว่าจะรุ่นไหนก็ไม่สำคัญ เพราะท้ายที่สุดแล้วขึ้นอยู่กับตัวของบุคคล อยู่ที่ความตั้งใจและพลัง และเชื่อว่าตนเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์มากพอสมควร
ทั้งนี้ ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนไทยและภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี และภูมิใจที่เคยรับราชการมาก่อนจึงทำให้มีประสบการณ์ จึงเข้าใจถึงโครงสร้างของระบบรัฐ ระบบราชการ โดยเคยรับราชการอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย สังกัดสำนักนโยบายและแผน ทำงานเกี่ยวกับเรื่องแผนการปฏิบัติราชการประจำกระทรวง เคยมีประสบการณ์ทำงานหน้าห้องทั้งท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด รวมถึงรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดี และระหว่างที่ทำงานราชการอยู่นั้นได้ใช้เวลาว่างจากราชการมาช่วยครอบครัวทำงานด้านการเมืองไปด้วย
ตั้งแต่ลงสมัครรับเลือกตั้งจนกระทั่งได้เบอร์ในการหาเสียง รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมาก ในฐานะผู้สมัครคนหนึ่งและในฐานะลูกหลานของคนเมืองกาญจน์ ภูมิใจมากกับการที่ได้เดินลงพื้นที่ในทุกๆ วัน การที่ได้ลงพื้นที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับชาวบ้านทุกวัน ที่สำคัญได้มีการพูดคุยรับฟังปัญหาของชาวบ้าน
สำหรับปัญหาที่ชาวบ้านฝากมา เพราะชาวบ้านนั้นเขามีความหวังที่จะให้นำไปแก้ไข จึงเชื่อว่าอนาคตเราจะไปต่อได้บนถนนสายการเมือง ถ้าเราเข้าไปเป็นผู้แทนในสภาแล้วสร้างผลงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนโดยแท้จริงแล้ว ผลงานนั้นจะเป็นตัวชี้วัดและตัดสินอนาคตทางการเมืองของเราเอง.






