นายกรัฐมนตรี ชิมข้าวหอมมะลิอินทรีย์-เนื้อวากิวสุรินทร์ ให้ความสนใจข้าวผกาอำปึล ก่อนถกพัฒนาจังหวัด สั่งเร่งพัฒนาแหล่งน้ำ รองรับน้ำฝนใช้ในฤดูแล้ง กำชับปราบปรามยาเสพติด ยัน พร้อมหนุนสุรินทร์เต็มที่ให้เติบโตตามศักยภาพ

เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 30 มิถุนายน 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อมายังโรงเรียนรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ เพื่อร่วมประชุมหารือแผนพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ โดยมี นายมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ เขต 5 พรรคเพื่อไทย, นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.สุรินทร์ เขต 2 พรรคเพื่อไทย และนางปทิดา ตันติรัตนานนท์ สส.สุรินทร์ เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ร่วมต้อนรับ เมื่อนายกรัฐมนตรีมาถึงได้ทักทายประชาชนที่พร้อมใจตะโกนว่า “เรารักนายกฯ เศรษฐา” โดยนายกรัฐมนตรีได้ทักทายประชาชน นักเรียน ครู ที่มาต้อนรับ พร้อมร่วมเซลฟี่ด้วยอย่างเป็นกันเอง จากนั้นพบปะพูดคุย พร้อมสอบถามทหารผ่านศึกถึงชีวิตความเป็นอยู่หลังจากสู้รบรับใช้ชาติมา ซึ่งตัวแทนทหารผ่านศึกได้สอบถามเรื่องของเงินผดุงเกียรติทหารผ่านศึกเดือนละ 3,000 บาท โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะไปประสานและติดตามให้

ต่อมานายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมแม่พันธุ์โคเนื้อของกัปตันฟาร์มวากิว ซึ่งเป็นเครือข่ายโคเนื้อสุรินทร์วากิว พร้อมสอบถามถึงการเลี้ยง และการพัฒนาคุณภาพเนื้อ เพื่อให้เทียบเท่ากับต่างประเทศซึ่งมีราคาสูงสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ก่อนเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากเนื้อสุรินทร์วากิว พร้อมชิมเนื้อวากิวย่าง โดยนายกรัฐมนตรีชมว่าอร่อย เนื้อดี รวมถึงสอบถามราคาว่าผลิตภัณฑ์แปรรูปแช่แข็งราคาเท่าไร พร้อมนำเนื้อวากิวย่างแจกให้คณะที่ติดตามได้ลองชิมด้วย แล้วจึงเดินเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรต่างๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูป และซื้อผ้าไหมสุรินทร์ไปเป็นที่ระลึก รวมถึงยังได้ลองชิมข้าวหอมมะลิอินทรีย์ของกลุ่มนาแปลงใหญ่ข้าว สหกรณ์โคเนื้อสุรินทร์วากิวยางสว่าง จำกัด ต.ยางสว่าง อ.รัตนบุรี และให้ความสนใจคุณประโยชน์ข้าวผกาอำปึล หรือ ปกาอำปึล ข้าวเจ้าพื้นถิ่นเมืองสุรินทร์ หรือข้าวดอกมะขาม ซึ่งเป็นที่นิยมจากผู้บริโภคจำนวนมาก เนื่องจากมีประโยชน์ เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ปัจจุบันราคาขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 บาท ตกตันละ 100,000 บาท

จากนั้น นายกรัฐมนตรีประชุมพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ โดยทางจังหวัดเสนอการพัฒนาเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำ 

ระยะเร่งด่วน 4 โครงการ 

1. โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว บ้านสร้างบก ต.หนองบัวบาน อ.รัตนบุรี 

2. โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำหนองกระทุ่ม พร้อมอาคารประกอบ ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี 

3. โครงการขุดลอกอ่างเก็บห้วยเสนง บ้านตามีย์ ต.เฉนียง อ.เมืองสุรินทร์ 

4. โครงการขุดอ่างเก็บน้ำอำปึล บ้านใต้ฆ้อง ต.ตาอ็อง อ.เมืองสุรินทร์

ระยะยาว 4 โครงการ 

1. โครงการการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำห้วยเสนงและอำปึล 

2. การพัฒนาด่านพรมแดนช่องจอม 

3. การศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งสนามบินสุรินทร์

4. การพัฒนาและยกระดับสินค้าปศุสัตว์มูลค่าสูง (แนวทางเลี้ยงโคสายพันธุ์สุรินทร์กิว (โควากิว)) ขอให้รัฐบาลดูแลแก้ไขเรื่องราคาเนื้อตกต่ำ และหาตลาดในต่างประเทศที่มีศักยภาพรองรับ ทำโรงฆ่าสัตว์ดำเนินกิจการอย่างถูกต้องตามหลักสากล และการหาแหล่งเงินดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น รวมทั้งรับฟังแนวทางการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ อย่างเป็นระบบด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาดูแผนพัฒนาจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้รับการนำเสนอจากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องครบทุกมิติ พร้อมกล่าวเสนอแนะในด้านต่างๆ เรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งชาวสุรินทร์ทั้งหมด พึ่งพาน้ำในการทำเกษตรกรรม ดังนั้น ไม่ท่วมไม่แล้งจึงเป็นเรื่องสำคัญ ตรงนี้เราต้องทำให้ดีที่สุด และสุรินทร์เป็นจังหวัดทางน้ำผ่าน ปัญหาน้ำท่วมจึงไม่ค่อยมี จะมีแต่เรื่องน้ำแล้ง ดังนั้น การเตรียมการรองรับเรื่องภัยแล้งในเรื่องของการขุดลอกบ่อน้ำเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำห้วยแก้ว ได้อนุมัติงบประมาณไปแล้ว 

ส่วนโครงการอื่นๆ ก็จะได้ให้กรมชลประทาน ร่วมกับสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในการที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยขอให้กรมชลประทานเร่งแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยเฉพาะบางแหล่งน้ำต้องรีบดำเนินการเพื่อรองรับน้ำฝนที่จะมาถึง ซึ่งจะช่วยทั้งเรื่องน้ำท่วมและเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง รวมถึงการเตรียมการบริหารจัดการน้ำในอนาคตด้วย ขณะที่เรื่องการพัฒนาศักยภาพของด่านการค้าชายแดน ขอให้กรมศุลกากร หาแนวร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาด่านศุลกากรช่องจอม โดยให้พิจารณาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ตลอดจนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ต่อไป 

ในเรื่องการก่อสร้างสนามบินสุรินทร์ นายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาสร้างสนามบินดังกล่าว สำหรับแนวทางเลี้ยงโคสายพันธุ์ “สุรินทร์กิว” (โควากิว) นายกรัฐมนตรีเห็นว่ามี 2-3 เรื่องที่ต้องมาดูกัน ทั้งเรื่องของการดำเนินการครบวงจร การพัฒนาสายพันธุ์ ซึ่งก็ดำเนินการไปได้ระดับหนึ่งแล้ว โดยมองว่าเนื้อวากิวตัวหนึ่งกำไรถึง 4-5 หมื่นบาท หากในระยะยาวสามารถพัฒนาสายพันธุ์ดีขึ้นได้ก็จะทำให้ราคาสูงขึ้น 

ดังนั้น การพัฒนาสายพันธุ์ก็เป็นเรื่องสำคัญ เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อเรามีของที่ดีอยู่แล้วอย่าไปคำนึงเพียงแค่กำไรระยะสั้น มองว่าเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเอง แต่ขอให้คำนึงถึงเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าด้วย รวมถึงการพัฒนาเรื่องการตัดแต่งปรุงเนื้อเพื่อให้ขายแล้วได้กำไรมาถึงพี่น้องประชาชนได้สูงขึ้น ตรงนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องหาทางสนับสนุนให้มีโรงเชือดที่มากขึ้นรองรับ ทางด้านตลาดรองรับมีอยู่แล้วทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น จีนและตะวันออกกลาง ทั้งนี้ การที่เรามีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รวมถึงเรื่องแลนด์บริดจ์รองรับ ก็จะเป็นกำลังสำคัญในการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศได้ ทั้งจีน และตะวันออกกลาง โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์ ผลักดันให้เนื้อสุรินทร์กิว ให้ได้รับการรับรองให้เป็นสินค้า GI ประจำจังหวัดสุรินทร์ด้วย

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังได้เน้นย้ำถึงการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะในโรงเรียน ขอให้มีการให้ความรู้และปลูกฝังถึงผลร้ายของยาเสพติดเป็นเรื่องจำเป็น โดยฝากผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และศึกษาธิการจังหวัด ให้มีการบรรจุเข้าไปในทุกกิจกรรมโรงเรียน เช่น การเล่นกีฬา หรือในทุกเช้าอาจมีการเสริมสร้างให้ปฏิญาณตนว่าเราจะอยู่ห่างไกลจากยาเสพติด เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ไม่ให้พ่อแม่ พี่น้อง ต้องผิดหวังเรื่องของยาเสพติด

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีย้ำด้วยว่าทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การขุดลอกคูคลอง หนองบึง การพัฒนาสายพันธุ์ข้าว รวมทั้งสุรินทร์กิวที่เราจะพัฒนานั้น หากบุคลากรของประเทศติดยาเสพติดสิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นไม่ได้ ทุกภาคส่วน ทั้งประชาชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ ต้องหามาตรการทำให้ชุมชนเราเข้มแข็ง รวมถึงการป้องกันปราบปรามที่ต้องทำควบคู่พร้อมกันไปด้วยกับฝ่ายทหาร ตำรวจ ต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการเพื่อให้ปัญหายาเสพติดหมดไป พร้อมย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดสุรินทร์อย่างเต็มที่ให้เติบโตได้ตามศักยภาพของจังหวัดต่อไป.

แบ่งปัน.
Exit mobile version