“จักรภพ” ปิดฉากลี้ภัย 15 ปีกลับไทย ศาลให้ประกันสู้ต่อ 2 คดีครอบครองอาวุธ-อั้งยี่ เผยถึงเวลาหาจุดร่วมแทนที่จะหาจุดต่าง เมื่อการเมืองภาพใหญ่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ขอกลับไทยใช้เวลาที่เหลือทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง รับต่อสายคุย “ทักษิณ” แค่ 1 ครั้ง สภาฯเดือด “โรม” ตั้งกระทู้ซัดกระทรวง ยธ.ประเคนอภิสิทธิ์อดีตนายกฯ คนเพื่อไทยประท้วงวุ่นพาดพิงนายใหญ่ “วันนอร์” เสียงเขียวปะทะคารมคุมเกม “ทวี” ป้องอดีตผู้นำกล้าหาญกลับมาเข้ากระบวนการยุติธรรม ชักแม่น้ำอ้างยุคนี้ยุติธรรมทั่วหน้า สภาฯรับทราบรายงานศึกษาเอนเตอร์ เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ “จุลพันธ์” ตีปี๊บปั่นเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่าจุดละแสนล้าน “เลิศศักดิ์” แอบห่วงฝากป้องกันเป็นแหล่งฟอกเงิน นายกฯหนุนกาสิโนครบวงจร ยกเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนพื้นให้หมด ภาคประชาสังคมต้านมรดกบาปต่อคนรุ่นหลัง

หลังจากลี้ภัยทางการเมืองหลบหนีไปอยู่ในต่างประเทศนานถึง 15 ปี ล่าสุดนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ผู้ต้องหาคดี “ร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่” ได้เดินทางกลับมาต่อสู้คดี พร้อมประกาศขอใช้เวลาที่เหลืออยู่ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมือง

“จักรภพ” ถึงไทยคุมตัวไปสอบ บก.ป.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 มี.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป.จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ป.นำรถสายตรวจไปคุมตัวนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ผู้ต้องหาคดี “ร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่” หลังจับกุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 มี.ค. จากนั้นคุมตัวมาที่ บก.ป. สอบปากคำตามขั้นตอนกฎหมาย ทันทีที่รถตู้ที่คุมตัวนายจักรภพ มาถึง บก.ป.พบสื่อมวลชนเฝ้ารอทำข่าวอยู่จำนวนมากด้านหน้าอาคาร รถตู้จึงขับไปจอดที่อาคารจอดรถด้านหลัง ก่อนรีบพาตัวนายจักรภพขึ้นลิฟต์อาคารจอดรถไปชั้น 2 ทางเชื่อมเข้าสู่อาคาร บก.ป. ก่อนนำตัวขึ้นอาคารไปสอบปากคำ

ทนายชี้บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะกลับได้

ต่อมานายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความส่วนตัวนายจักรภพ ที่มารอ กล่าวว่า คดีถูกกล่าวหาครอบครองอาวุธปืนและอั้งยี่ เกิดขึ้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนคร ศรีอยุธยา ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย จะได้รับการประกันตัวหรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่เบื้องต้นจะยื่นขอประกันตัวโดยวางหลักทรัพย์ 2-3 แสนบาทต่อคดีความ คดีนี้ เข้าสู่กระบวนการของศาลไปแล้ว บางคนได้รับการตัดสินไปแล้ว แต่ของนายจักรภพยังไม่ตัดสิน รวมทั้งให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนตัวไม่กังวลว่าจะไม่ได้รับการประกันตัว เพราะจำเลยเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายทุกขั้นตอน พร้อมยื่นหลักทรัพย์ทันที นายจักรภพแจ้งเพียงว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทราบเพียงเท่านี้ และยังไม่มีอดีตแกนนำคนเสื้อแดงที่ลี้ภัยการเมืองติดต่อเข้ามาเพื่อขอกลับไทย การเดินทางกลับไทยของนายจักรภพจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โดยตรงหรือไม่ ไม่ทราบ เหตุผลที่เจ้าตัวเดินทางกลับมาขอให้ผู้สื่อข่าวไปสอบถามเอง ทราบเพียงว่าบ้านเมืองเข้าสู่ภาวะที่จะกลับมาได้แล้ว แต่ละคนมีวิจารณาญาณส่วนตัวอยู่แล้ว

น้องสาวดีใจพบพี่ชายห่างหาย 15 ปี

นายสุไพรพล ช่วยชู เลขานุการส่วนตัวของนายจักรภพกล่าวว่า หลังกระบวนการเสร็จสิ้น นายจักรภพจะลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของพนักงานสอบสวน คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเหตุผลที่นายจักรภพกลับมาคงเป็นอย่างที่เจ้าตัวโพสต์ในเฟซบุ๊กเมื่อวานว่าจะกลับมารับใช้ประเทศไทย มั่นใจว่านายจักรภพจะได้ประกันตัวเพราะข้อกล่าวหาที่ผ่านมานั้นเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีข้อเท็จจริง การหายตัวไปถึง 15 ปี เพราะนายจักรภพมีภารกิจอยู่ต่างประเทศ ประกอบกับอยู่ในช่วงที่รัฐบาลมาจากรัฐประหาร ไม่เป็นประชาธิปไตย

ด้านนางณัฐนันท์ เพ็ญแข น้องสาวของนายจักรภพกล่าวว่า ดีใจมากที่จะได้พบพี่ชายหลังไม่เจอกันมา 15 ปี พี่ชายเล่าการเป็นอยู่ชีวิตในต่างแดนว่ามีชีวิตอยู่ตามอัตภาพ

ได้ประกันนัดให้การเพิ่ม 22–23 เม.ย.

ต่อมาเวลา 13.00 น. หลังสอบปากคำเสร็จ นายจักรภพให้ทนายความยื่นประกันตัวทั้ง 2 คดี วางหลักทรัพย์เงินสดคดีละ 2 แสนบาท รวม 4 แสนบาท ก่อนพนักงานสอบสวนพิจารณาให้ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยนายโชคชัยกล่าวอีกครั้งว่า นายจักรภพได้รับการประกันตัวโดยไม่มีเงื่อนไขอะไร วางวงเงินไว้คดีละ 200,000 บาท 2 คดี รวมเป็น 400,000 บาท นายจักรภพปฏิเสธทั้ง 2 ข้อกล่าวหา ส่วนการให้การเพิ่มเติมจะให้การในภายหลัง ได้มีการนัดเข้าให้การเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 และ 23 เม.ย.

ลั่นมั่นใจกลับมาสู้ 2 คดีที่เหลือได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายจักรภพได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เจ้าตัวได้เดินมาที่พระบรม ฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี บริเวณชั้น 1 อาคารประชาอารักษ์ ก่อนจะก้มลงกราบ ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมากที่มาเฝ้าติดตามรายงานสถานการณ์ โดยนายจักรภพกล่าวว่า วันนี้ได้กลับมาประเทศไทย เพื่อต่อสู้คดีที่เหลืออยู่ทั้ง 2 คดี เป็นคดีอาวุธทั้ง 2 คดี แบ่งเป็นคดีที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 1 คดี และศาลอาญา อีก 1 คดี ก่อนหน้าที่จะมาในวันนี้ได้ประสานกับทนายความและประสานกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาบ้างแล้ว ทำให้ราบรื่นและสิ่งที่ประทับใจมากในวันนี้คือ การอธิบายขั้นตอนต่างๆของเจ้าหน้าที่ เป็นไปอย่างครบถ้วนทำให้ตนและลูกศิษย์ตอบคำถามกับเจ้าหน้าที่ได้อย่างมั่นใจ เรื่องนี้ประชาชนทั่วไปอาจคุ้นเคยกันแล้ว แต่สำหรับตนถือว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นมาก จึงทำให้มีความมั่นใจสู้คดีได้ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับขบวนการยุติธรรม

ขอใช้เวลาที่เหลือทำประโยชน์ต่อชาติ

“15 ปีที่ได้เดินทางลี้ภัยไปต่างประเทศ รู้สึกเสียดายเวลาที่ไม่ได้รับใช้ประเทศชาติ เพราะฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไป คิดว่าสิ่งไหนที่ทำได้ก็อยากจะทำวิถีทางทางการเมืองเป็นเส้นทางหนึ่ง หรือการทำงานต่างๆในบทบาทของต่างประเทศจะรับ หากผลจากเรื่องคดีความจบลงแล้ว จะขอทำตัวให้มีประโยชน์ต่อชาติ ในเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้” นายจักรภพกล่าว

การเมืองเปลี่ยนดีขึ้นนำมาสู่วันนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่ามีการดีลกัน จึงทำให้สามารถเดินทางกลับประเทศได้ นายจักรภพ กล่าวว่า ทุกอย่างที่มาถึงในวันนี้ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการพูดคุย การคุยกันในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการแลกเปลี่ยนอะไรกัน เป็นเพียงการพูดคุยกันว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหาจุดร่วมแทนที่จะหาจุดต่าง ประเด็นสำคัญคือมองว่าการเมืองในภาพใหญ่สุด ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จึงนำมาสู่วันนี้ เมื่อถามว่าได้มีการวางเเผนว่าจะกลับมาทำในส่วนไหนอย่างไรกับที่ได้มีการพูดคุยกัน นายจักรภพกล่าวว่าไม่มี เพียงเเต่กลับมาสู่กระบวนการยุติธรรม เชื่อในกระบวนการดังกล่าวว่ามีความถูกต้อง ตนมีคดีตั้งแต่ปี 49 มากถึงเกือบ 10 คดี ได้ต่อสู้มาโดยตลอด มีคดีหมดอายุความไปบ้าง ศาลสั่งไม่ฟ้องหรือหมดอายุความไปบ้าง เช่นคดีมาตรา 112 ศาลได้มีการสั่งยกฟ้องไป เมื่อเดือน ก.ย.54

รับต่อสายคุย “ทักษิณ” 1 ครั้ง

เมื่อถามว่าหากกระบวนการทางคดีจบสิ้นเรียบร้อยแล้วหากได้รับการทาบทามจากรัฐบาลให้เข้าช่วยงานยินดีหรือไม่ นายจักรภพกล่าวว่า ยินดี แต่การเข้าไปช่วยนั้นจะต้องไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ภายในพรรคเดียวกันหรือพรรคใดก็ตาม ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าได้มีการติดต่อกับนายทักษิณ ชินวัตร บ้างหรือไม่ นายจักรภพยอมรับว่า มีการติดต่อคุยกันทางโทรศัพท์เพียงหนึ่งครั้ง โดยมีการสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง และบรรยากาศโดยรวมเป็นอย่างไรแต่รู้ดีว่าต่างคนต้องต่างทำการบ้านในส่วนของตน ทั้งตนและนายทักษิณมีคดีความทางการเมืองเช่นเดียวกัน

แจงหนีเพราะปมขัดแย้งการเมือง

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำนายจักรภพ เบื้องเจ้าตัวให้การปฏิเสธ ทั้ง 2 คดี ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ตรวจพบในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อีกทั้งช่วงที่เกิดเรื่องยังใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศกัมพูชา จึงมั่นใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน สำหรับเหตุผลที่ทำให้นายจักรภพ ต้องหลบหนีคดีไปอยู่ต่างประเทศเป็นเวลากว่า 15 ปี ส่วนหนึ่งมาจากเหตุผลเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง มองว่าอาจไม่ได้รับความเป็นธรรมทางคดี เพราะถูกกลั่นแกล้ง กระทั่งเมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ประกอบกับต้องการกลับมาช่วยเหลือพัฒนา ประเทศชาติ จึงตัดสินใจกลับเข้าประเทศอีกครั้ง

นายกฯชี้ต้องเข้าสู่กระบวนยุติธรรม

เมื่อเวลา 12.07 น. ที่โรงแรมพาร์ค ไฮแอท นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯ และผู้ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน เดินทางกลับประเทศไทย เข้ามอบตัวตามหมายจับข้อหาร่วมกันมีอาวุธ เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายและเป็นอั้งยี่ว่า เชื่อว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับความยุติธรรมอยู่แล้ว ใครที่มีปัญหาเรื่องในอดีต ถ้ากลับเข้ามาต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง แต่ไม่ได้ถึงขั้นติดตามกรณีของนายจักรภพในรายละเอียดว่ามีอะไร เมื่อนักข่าวถามมา ต้องบอกว่าต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขอใช้คำนี้เป็นหลัก ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

“ปานปรีย์” เผยไม่ได้ประสาน กต.

เมื่อเวลา 13.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า นายจักรภพไม่ได้ประสานมาทางกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคง ปกติถ้ามีบุคคลที่ฝ่ายความมั่นคงเป็นกังวลจะหารือมาที่ กต.ไม่ใช่หน้าที่ กต.โดยตรง ผู้ลี้ภัยในต่างประเทศ หากต้องการกลับประเทศ ประสานมาที่ กต.ได้หรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า คงแจ้งมาได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครประสานมาที่ กต. น่าจะเกี่ยวข้องกับฝ่ายความมั่นคง และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า เรายังไม่ได้รับเรื่องใดๆทั้งสิ้น และยังไม่ได้รับรายงานด้วย ทั้งนี้ หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศที่เราจะต้องสื่อสารกับทางต่างประเทศ คงจะต้องใช้ กต.ในการสื่อสารต่อไป เมื่อถามว่าปกติคนที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ กต.ต้องติดตามพฤติกรรมหรือไม่ นายปานปรีย์กล่าวว่า ถ้าไม่มีปัญหาหรือไม่มีประเด็นอะไร ก็ไม่ได้ติดตาม เพียงแต่รับรู้

พท.ประท้วงดะกระทู้พาดพิงนายใหญ่

เมื่อเวลา 12.40 น. ที่รัฐสภา การประชุมสภาฯ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามทั่วไปของนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ถาม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ขอทราบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษานอกเรือนจำ ทันทีที่นายรังสิมันต์เริ่มอภิปรายเอ่ยถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯบรรดา สส.พรรค พท.อาทิ นายไชยวัตร ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม ลุกขึ้นประท้วงประธานให้กำชับ อย่าเอ่ยชื่อพาดพิงบุคคลภายนอก นายวันมูหะมัดนอร์วินิจฉัยว่า ไม่สามารถให้เอ่ยชื่อบุคคลภายนอกได้ แต่อนุญาตให้พูดว่านายกฯท่านหนึ่งแทนได้ นายรังสิมันต์ต่อรองขอเรียกท่านอดีตนายกฯโทนี่ วู้ดซัม แต่ประธานไม่อนุญาต จากนั้นนายรังสิมันต์ตั้งคำถามถึงสภาพห้องชั้น 14 ที่อดีตนายกฯ รักษาตัวเป็นเช่นไร ทำไมต้องแยกตัวออกจากผู้รักษาตัวคนอื่นๆ ขอทราบชื่อแพทย์ที่รับรองการรักษาอดีตนายกฯ

“ทวี” ป้อง “ทักษิณ” กล้าหาญกลับไทย

พ.ต.อ.ทวีชี้แจงว่ายืนยันว่าไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ เพราะนายทักษิณมีความกล้าหาญที่กลับมายังประเทศ ไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในช่วงรัฐบาลที่แล้ว ที่นายกฯเป็นหนึ่งใน คสช. รมว.ยุติธรรม ขณะนั้นเป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯที่มารักษาการ ขณะเดียวกันช่วงนั้นนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นนายกฯ ดังนั้นนายเศรษฐาและตน คงไม่สามารถไปขอร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯหรือนายวิษณุได้ ส่วนการส่งผู้ต้องขังไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ เป็นไปตามมาตรา 55 ของ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ปี 2560 การที่นายทักษิณพักอยู่ในห้องควบคุมพิเศษ ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจนั้น แพทย์ไม่ได้เป็นคนจัด แต่สถานรักษาเป็นคนจัดให้ สถานรักษาอาจไม่ใช่แพทย์ สถานรักษาของโรงพยาบาลตำรวจ ขึ้นตรงกับ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ ปี 2563 และกฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง ปี 63

ชักแม่น้ำอ้าง ยธ.ยุคนี้ ยุติธรรมทั่วหน้า

“เมื่อเรือนจำส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ การดูแลความปลอดภัยสำคัญ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.49 ก่อนนายทักษิณจะถูกยึดอำนาจ เกิดเหตุการณ์ระเบิดคาร์บอมบ์ใกล้บ้านพักท่าน จากนั้นศาลทหารได้ตัดสินจำคุกผู้ที่อาจจะครอบครองระเบิด ยอมรับว่าไม่ทราบว่าดุลพินิจในขณะนั้น ทำไมถึงนำตัวนายทักษิณไปที่ชั้น 14 แต่เป็นเรื่องที่สอบถาม ทุกคนก็ต้องกลัว ถ้าท่านเป็นอะไรไปบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร จริงอยู่ท่านมีสถานะเหมือนผู้ถูกปฏิบัติทั่วไป สังคมเรายังไม่ยอมรับการคุมขังที่อื่น จึงทำให้ทุกวันนี้ไม่สามารถออกระเบียบ ทำให้คนถูกยัดเยียดทรมานเหมือนปลากระป๋องอยู่ในเรือนจำ ไม่อยากให้สังคมคลางแคลง วันนี้กระทรวงยุติธรรมยุคนี้ จะสร้างความยุติธรรมให้กับคนทุกคน จะทำความยุติธรรมถ้วนหน้า แม้แต่ในเรือนจำอยากให้สังคมเข้าใจว่าโรงพยาบาลขณะนี้คือที่คุมขังอื่น ไม่ว่าจะนอนโรงพยาบาลกี่วันก็ถูกหักโทษเหมือนกัน” รมว.ยุติธรรมกล่าว

ขยี้อดีตนายกฯได้รับสิทธิพิเศษ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายรังสิมันต์ ยังติดใจพยายามตั้งคำถามเพิ่มให้ พ.ต.อ.ทวีตอบให้ชัด อาทิ ทั้งมาตรฐานความยุติธรรมและเหตุการณ์คาร์บอมบ์ เมื่อปี 49 โดยนายรังสิมันต์ระบุว่า ปีนี้ปี 67 แล้ว ยิ่งนายกฯออนทัวร์ไปในที่ต่างๆ ไม่มีเหตุการณ์คาร์บอมบ์ใดๆเลย การรักษาความปลอดภัยไม่ได้ถึงขั้นแน่นหนา ประชาชนยังเข้าถึงนายกฯได้ง่าย ยิ่งยืนยันว่าไม่เป็นแบบที่ พ.ต.อ.ทวีเข้าใจ การที่มีนักโทษบางคน อดีตนายกฯบางคนได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้ ไม่ได้ทำให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรือนจำลดลง ทำให้นางศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท.ลุกขึ้นประท้วงจนนายวันมูหะมัดนอร์เตือนว่าขอให้อยู่ในคำถามที่สงสัยและเป็นการตั้งคำถามในกระทู้ถาม ไม่ใช่ออกความเห็นหรือเป็นปัญหาข้อกฎหมาย

“วันนอร์-โรม” ขึ้นเสียงปะทะคารม

อย่างไรก็ตาม นายรังสิมันต์ ไม่ละความพยายามอภิปรายจี้การเดินทางไป จ.เชียงใหม่ของนายทักษิณ สุขภาพยังแข็งแรง ลุกนั่ง ไหว้พระได้และจดจำคุณยายที่ไม่ได้เจอกันมานานได้ และยังพยายามขอเปิดสไลด์ประกอบอภิปราย แต่ประธานไม่อนุญาต เกรงว่า สส.พท.ลุกประท้วงอีก อีกทั้งไม่ใช่ญัตติการอภิปรายต้องเข้าใจข้อบังคับ ทั้งคู่ยังเถียงกันอยู่ในประเด็นเดิม 2-3 นาที จนนายรังสิมันต์ตะโกนเสียงแข็งว่า “ผมจะถามจากสไลด์เพื่อให้รัฐมนตรีดูผมจะได้ถาม” ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ว่า “ก็ถามไปเลย” แต่นายรังสิมันต์ พูดแทรกว่า “ทำไมมาปิดไมค์ผมแบบนี้” ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ย้ำด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอีกว่า “เป็นอำนาจของประธาน ท่านถามจากคำถามได้ ถ้าพูดต่อไม่หยุด ผมจะให้คุณนั่งลง ไม่งั้นจะเชิญคุณออกไป ท่านต้องเข้าใจผม” ทำให้นายรังสิมันต์ยอมตั้งคำถามต่อโดยไม่ได้เปิดสไลด์ การประชุมจึงได้ดำเนินต่อไปจนจบกระทู้นี้

“จุลพันธ์” แจงศึกษาอัครสถานบันเทิง

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ประชุมรัฐสภา พิจารณารับทราบรายงานผลการพิจารณาศึกษาเรื่องการศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ คณะ กมธ.วิสามัญฯพิจารณาเสร็จแล้ว มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.วิสามัญฯ ชี้แจงรายงาน ว่า กมธ.พิจารณารอบคอบและรอบด้าน เนื้อหารายงานสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการผลักดันให้มีกฎหมายรองรับการเกิดขึ้นสำหรับสถานบันเทิงครบวงจร แก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมาย ได้ศึกษาตัวอย่างจากเพื่อนบ้านที่ประสบความสำเร็จ มีจำนวนนักท่องเที่ยวกระโดดสูงขึ้น รวมทั้งการจัดเก็บภาษี ค่าธรรมเนียมต่างๆ ไม่ใช่เพียงแค่กาสิโนเท่านั้น แต่รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ อาทิ สวนสนุก ห้างสรรพสินค้า โรงแรม เม็ดเงินการลงทุนคาดหวังได้เลยว่าต่อจุดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท มีกลไก อาทิ กลไกที่ครอบครัวระงับยับยั้งการเข้าสู่พื้นที่การพนันของคนในครอบครัวได้ หากติดการพนันแจ้งมายังหน่วยงานที่ต้องสร้างขึ้นมากำกับ เพื่อจะให้พิสูจน์ทราบว่าบุคคลนั้นมีปัญหาหรือไม่ ถ้ามีปัญหากลไกจะรองรับให้ติดแบล็กลิสต์ ไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่ได้

ย้ำยังไม่ใช่ข้อยุติการศึกษา

นายจุลพันธ์กล่าวต่อว่า การศึกษาของ กมธ. ไม่ใช่ข้อยุติ วันนี้สิ่งที่นำเสนอเป็นเพียงแค่รายงานการศึกษา หลังจากรายงานเข้าสู่สภาฯวันนี้แล้ว หากที่ประชุมมีมติว่าเห็นชอบการศึกษาฉบับนี้ ก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเดินหน้า EntertainmentComplex เพราะสุดท้ายกลไกสภา รับในเรื่องของรายงานการศึกษา หากรับแล้วก็คงต้องส่งให้ ครม.ไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป เป็นอำนาจหน้าที่ฝ่ายบริหารพิจารณาว่า โครงการเหมาะสมกับประเทศหรือไม่ จะปิดกั้นปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างไร มีความเหมาะสมในการเดินหน้าอย่างไร เมื่อไหร่ โดยกลไกสุดท้ายหัวใจหลักคือตัวกฎหมาย ซึ่งกฎหมายที่เรานำเสนอเป็นเพียงแค่การยกร่าง ตนเชื่อว่าทุกคนอาจจะมีความเห็นแตกต่างในเรื่องเนื้อหาของกฎหมาย และหากเป็นการเดินหน้าโดยฝ่ายบริหารก็ต้องส่งกลับมายังสภาฯ เพื่อพิจารณารายละเอียดของกฎหมายที่จะมาใช้ควบคุม

ฝากข้อสังเกตหวั่นเป็นแหล่งฟอกเงิน

ต่อมาที่ประชุมเปิดให้อภิปรายแสดงความเห็น โดยตลอดการอภิปราย สส.ส่วนใหญ่ไม่มีใครคัดค้าน แต่ได้เสนอข้อสังเกต เพื่อแนะแนวทางแก้ไขที่อาจเกิดผลกระทบในอนาคต ที่น่าสนใจคือนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.เลย พรรค พท. อภิปรายว่า กังวลว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นแหล่งฟอกเงินสำคัญในอนาคตหรือไม่ มีมาตรการป้องกันหรือไม่ เช่น การยืนยันตัวตน หรือการรายงานด้านการทำธุรกรรมที่นำมาใช้ในกาสิโนต่อ ปปง.เก็บไว้ หรือมีรายงานทางกาสิโนที่ต้องรายงานต่อ ปปง. เช่น คนที่เล่นพนันได้กำไรในกาสิโน เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานว่าได้กำไร เมื่อไหร่ อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาการฟอกเงินได้พอสมควร เป็นข้อสังเกต ไม่ได้บอกว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุน

นายกฯหนุนกาสิโนครบวงจร

ที่โรงแรมพาร์ค ไฮแอท นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร รวมถึงจะมีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศไทยว่า เห็นด้วยเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ จริงๆแล้วเราไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องกฎหมายกาสิโน ให้มองเป็นเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะรวบรวมหลายส่วน ทราบกันดี เราต้องการยกเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนพื้นให้หมด จะได้ควบคุมกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย ความเหมาะสมและเก็บภาษี เป็นแนวทางหนึ่งที่จะขจัดปัญหาบ่อนผิดกฎหมาย เมื่อถามว่ามองว่าอาจกลายเป็นการมอมเมาให้เข้าถึงการพนันง่ายขึ้น นายเศรษฐาตอบว่า ถึงเวลาที่สังคมต้องมาดูกันเรื่องของสังคมอีแอบ ทุกวันนี้ต้องยอมรับมันมีอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองจะได้ดูแลให้ถูกต้อง ไม่แน่ใจว่ากฎหมายจะผ่านเมื่อไหร่ และเปิดได้เมื่อไหร่ ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร ระหว่างนี้ต้องจัดการกับสิ่งที่ผิดกฎหมายไป

ภาคประชาสังคมออกโรงต้าน

ก่อนหน้านี้เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายบุญสืบ พันธุ์ประเสริฐ ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมจ.สระบุรี ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคม 16 จังหวัด เข้ายื่นหนังสือต่อนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร สภาฯ เพื่อแสดงความเห็นคัดค้านการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) มีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ในฐานะรองประธาน กมธ.รับเรื่อง โดยนายบุญสืบกล่าวว่า ช่วงวันที่ 23-25 มี.ค.เครือข่ายทำแบบสำรวจความเห็นประชาชนพบว่าประชาชนไม่ต้องการให้พื้นที่ของพวกเขาเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร เพราะไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน หากมีแหล่งพนันมาอยู่ในพื้นที่ และไม่เชื่อว่าประเทศจะได้ผลประโยชน์คุ้มค่า ดังนั้น สส.และรัฐบาลต้องคำนึงถึงผลที่จะเกิดตามมาในอนาคต การตัดสินใจในครั้งนี้อาจสร้างมรดกบาปแก่คนรุ่นหลัง และควรเปิดพื้นที่ประชาพิจารณ์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย

สั่งกำชับใช้งบฯ 67 ประโยชน์สูงสุด

เมื่อเวลา 12.07 น.ที่โรงแรม พาร์ค ไฮแอท นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในการประชุม UK-Thailand Financial Conference ถึงกรณีที่สภาฯมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท จะกำชับการใช้จ่ายงบฯให้คุ้มค่า จะมีแผนงานแต่ละกระทรวงอย่างไรว่า ทุกๆงบประมาณ ทุกรายละเอียด มีการอนุมัติให้งบฯผ่านไปแล้ว ในเรื่องของรายละเอียดแต่ละโครงการ เราต้องมาดูความเหมาะสมและถูกต้อง อะไรที่ประหยัดได้ ดูแลได้ให้เหมาะสมและได้ประโยชน์สูงสุดก็ต้องทำต่อไป

ขันนอตศุลกากรห้ามทุจริต-วิ่งเต้น

ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่กรมศุลกากร เขตคลองเตย นายเศรษฐา พร้อมนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลังและนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้ผู้บริหารและข้าราชการกรมศุลกากร มีนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร คณะผู้บริหาร และข้าราชการกรมศุลกากรต้อนรับ นายกฯกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า อยากพูดตรงไปตรงมา เรื่องการทุจริตมีปัญหาเยอะมาก ถ้าไม่ยอมรับก็แก้ไขไม่ได้ แต่อธิบดีมาใหม่ทำงานหลายอย่าง พยายามขับเคลื่อนให้กรมศุลกากรไปได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เป็นรูปธรรมหลายอย่าง ไม่ว่าการทำฐานข้อมูล นำเข้าสินค้า ส่งออกหรือการดูพฤติกรรมผู้นำเข้าที่ล่อแหลม ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นจะเสียหายอย่างมาก ทุจริตคอร์รัปชันถือเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ รัฐบาลภายใต้การนำของตนเรื่องนี้ยอมไม่ได้ เช่น หมูเถื่อน ยางเถื่อน รถยนต์เถื่อนหรือสินค้าเถื่อนต่างๆ อยากให้กระตือรือร้น ยึดตามระเบียบข้อปฏิบัติเป็นหลัก ระยะหลังเรากวดขันเห็นผลเป็นอย่างดี ขอย้ำว่าการทุจริตภายในองค์กรห้ามเกิดขึ้นเด็ดขาด รวมทั้งการวิ่งเต้นต่างๆ ต้องไม่มีเกิดขึ้น

เปิดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทย

จากนั้นเวลา 16.50 น. ที่ฮอลล์ 1-4 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐาได้เป็นประธานพิธีเปิดงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย ครั้งที่ 42 ประจำปี 2567” มี น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเอกอัครราชทูตร่วมงาน ทั้งนี้มีการมอบเสื้อคลุมลายผ้าขาวม้าและเนกไทผ้าไหมให้นายกฯ โดยนายกฯระบุจะเอามาใส่ จากนั้นกล่าวเปิดงานว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวหรือ Tourism Hub ยกระดับเมืองรองให้เป็นเมืองหลักด้านการท่องเที่ยว ขยายโอกาสสร้างรายได้การท่องเที่ยว เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนด้วยศักยภาพของเมืองไทยที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม มีอัตลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรม วิถีชีวิตของชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นซอฟต์พาวเวอร์หลายสาขาที่โชว์เป็นจุดขายได้เชิญชวนคนไทยทุกคนร่วมเที่ยวเมืองไทยไปด้วยกัน จากนั้นนายกฯตีฆ้องเปิดงาน และเดินเยี่ยมชมบูธในงาน

“สมศักดิ์” ตั้ง “ปลอด” ปธ.บริหารน้ำ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากร น้ำแห่งชาติ (กนช.) มีนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช. มหาดไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ปรึกษาประธาน กนช. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เข้าร่วม โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า ที่ประชุม กนช.ได้พิจารณาแต่งตั้งนาย ปลอดประสพเป็นประธานยุทธศาสตร์ด้านการบริหารจัดการน้ำ เพื่อพิจารณาศึกษาโครงการบริหารจัดการน้ำ ขนาดใหญ่ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากมีการสะท้อนปัญหาการบริหารจัดการน้ำที่แก้แต่ปลายน้ำ ยังไม่มีการแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ จึงเสนอให้ศึกษาโครงการในอดีต เพื่อจะหาแนวทางการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น การจัดทำฟลัดเวย์คลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ในฝั่งตะวันตกหรือฝั่งตะวันออกเพื่อเร่งระบายน้ำ

ผู้ว่าการแบงก์ชาติชิ่งตอบเงินดิจิทัล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 15.05 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มีนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศ เป็นประธานการประชุม ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ธปท.ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทอย่างไร หลังจากอ่านความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว แต่นายเศรษฐพุฒิ ไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามอีกว่ามีอะไรน่าเป็นห่วงหรือไม่ หากใช้งบประมาณปกติดำเนินโครงการฯ นายเศรษฐพุฒิก็ยังไม่ตอบคำถาม และพยายามเลี่ยงไม่ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีที่นายกฯระบุว่า ทุกภาคส่วนเห็นด้วยแล้ว รวมถึงผู้ว่าการ ธปท. แต่นายเศรษฐพุฒิก็ไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบฯ

“พีมูฟ” จี้สภาโละ พ.ร.บ.ชุมนุมฯ

ที่รัฐสภา นายพชร คำชำนาญ กองเลขานุการขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) เข้ายื่นหนังสือถึง กมธ.การพัฒนาการเมือง สภาฯขอให้พิจารณายกเลิก พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ มีนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง พรรค ก.ก.ในฐานะ กมธ.ฯ รับเรื่อง นายพชรกล่าวว่า พีมูฟต่อสู้เรียกร้องสิทธิการจัดการที่ดินที่อยู่อาศัยและทรัพยากร เพื่อดำรงวิถีของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์มาตลอด 13 ปีหลายรัฐบาล ตามสิทธิโดยชอบในรัฐธรรมนูญไทยและหลักสิทธิมนุษยชน แต่กลับพบว่าการควบคุมการชุมนุมของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ไม่ได้เปลี่ยนไปจากรัฐบาลทหาร ใช้กำลังตำรวจปิดกั้น บังคับใช้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะปี 58 ทั้งที่ทำเนียบฯเป็นสถานที่ราชการที่ประชาชนเข้าไปยื่นเรื่องร้องเรียนหรือขอเข้าพบผู้มีอำนาจเพื่อให้แก้ไขปัญหา กังวลว่าสถานการณ์การละเมิดสิทธิประชาชนจะรุนแรงขึ้น กลุ่มพีมูฟถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯไป 2 คน ขอให้ กมธ.ฯช่วยปกป้อง

ศาลไม่ให้ประกัน “ตะวัน-แฟรงค์”

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมหมาย ตัวตุลานนท์ บิดาของ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์หรือตะวัน เข้ายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวชั้นฝากขังครั้งที่ 4 น.ส.ทานตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ.คอมฯและมาตรา 116 กรณีโพสต์คลิปบีบแตรรถตำรวจรักษาความปลอดภัยขบวนเสด็จเมื่อวันที่ 4 ก.พ.67 มีนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม 2 นักกิจกรรมการเมืองอิสระมาให้กำลังใจ ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง ให้ยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฝากขัง

เผยปฏิเสธการรักษาอาการไม่สู้ดี

นายนภสินธุ์กล่าวว่า อาการของทานตะวัน และแฟรงค์ทรุดหนักลง ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าไม่มีเหตุจำเป็นใดๆที่ต้องฝากขังตะวันและแฟรงค์ ทั้ง 2 คนเป็นแค่เยาวชน ไม่ใช่มาเฟียไม่มีเหตุอันใดเลยที่เขาสามารถไปคุกคามข่มขู่พยานใดๆ ยังคงเจ็บป่วยอดน้ำอดอาหารอยู่ ขณะที่ น.ส.อรวรรณกล่าวว่า ค่าโปแตสเซียมของตะวันและแฟรงค์ต่ำมาก แพทย์แนะนำให้รับการรักษา หากไม่รักษาจะมีอาการก่อนที่จะเสียชีวิตคือแน่นหน้าอก หรือบางคนอาจจะปากเบี้ยว ลิ้นแข็งพูดไม่ได้ ตาหูอาจจะได้ยินแต่ตอบสนองไม่ได้ และทั้ง 2 ยังคงปฏิเสธการรักษา

ออกหมายจับ “ไมค์” หนีคดี ม.112

อีกคดี ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงาน อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก ชาวระยอง อายุ 28 ปี แกนนำม็อบคณะราษฎร เป็นจำเลย ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตาม ป.อาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กลักษณะหมิ่นสถาบันกษัตริย์ และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ในหลวงรัชกาลที่ 10 ตาม ป.อาญา มาตรา 112 อย่างไร ก็ตาม เมื่อถึงเวลานัด ปรากฏว่า นายภาณุพงศ์ จำเลย และทนายความ ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา มีเพียงนายประกันมาศาล ที่มาแถลงต่อศาลว่า ไม่สามารถติดต่อจำเลยได้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทราบนัดฟังคำพิพากษาแล้ว แต่ไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง เชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ให้ออกหมายจับ และปรับนายประกัน โดยนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้งวันที่ 8 พ.ค.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

แบ่งปัน.
Exit mobile version