“ไผ่ ลิกค์” ศอกกลับ ยื่นยุบพรรคประชาชน ปมตั้งนักเรียน ม. 4 เป็นผู้ช่วย สส. มั่นใจหลักฐานชัด รอดูผลลัพธ์  ยืนยันหากทำผิดเบียดบังผลประโยชน์ไม่ว่าเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ก็ผิดเหมือนกัน

วันที่ 7 พ.ย. 2568 นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ในฐานะเลขาธิการพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกระแสข่าวยื่นยุบพรรคประชาชน (ปชน.) ว่า ทีมงานตนได้เดินทางไปยื่น กกต. จริง เพื่อขอให้พิจารณายุบพรรคประชาชน จากกรณีการตั้งเด็กอายุเพียง ม.4 เป็นผู้ช่วย สส. และการใช้เงินเดือนของผู้ช่วย สส.ไปจ่ายเป็นค่าสมัครสมาชิกพรรค ทุกอย่างเราได้รับข้อมูลมาสักพักแล้ว และเราได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด อยากบอกว่าเราทำงานต้องมีพยานบุคคล หลักฐาน และความผิดทางด้านกฎหมาย เรามั่นใจอันนี้ผิดแน่นอน การโกงชาติ เบียดบังชาติ ไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ผิดเหมือนกัน ก็มาดูกันว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร และอาจจะมีเรื่องของจริยธรรมเข้ามาด้วย

เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ก็ผิดเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้นายไผ่ ลิกค์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไผ่ ลิกค์ วิงวอนสังคม ไม่ว่าเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ เช่น การตั้งผู้ช่วย สส.รับเงินแทนหรือตั้งคนที่ยังไม่อยู่ในกฎหรือคนที่ถูกระเบียบเข้ามาเป็นไม่ว่าตำแหน่งไหนตำแหน่งหนึ่ง สิ่งพวกนี้ไม่ต่างกับการตั้งลูกหลานรับเงินเดือนเลย และก็ยังขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งการทำผิดหรือการรับผลประโยชน์ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ผิดเหมือนกัน

ยื่น ป.ป.ช. อายัดบัญชี

ล่าสุด เมื่อเวลา 16.45 น. นายไผ่ ลิกค์  ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า เรื่องนี้ ได้มอบหมายให้นายทันกวินท์ รัฐวัฒก์อังกูร นักวิชาการอิสระ หนึ่งในทีมงานของตนเดินทางไปยื่นคำร้องถึง ป.ป.ช. และ กกต. ขอให้ดำเนินการตรวจสอบอายัดบัญชีพรรคประชาชน และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดกรณีการตั้งเด็ก ม.4 เป็นผู้ช่วย สส. และการใช้เงินเดือนของผู้ช่วย สส. ไปจ่ายเป็นค่าสมัครให้แก่ประชาชนที่มาสมัครเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามมูลฐานกฎหมาย ปปง. และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.2568 แล้ว ส่วนการดำเนินการหลังจากนี้ ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายของ ป.ป.ช. และ กกต. ขอให้รอชมครับ ไม่ได้มีเท่านี้แน่นอน จะออกมาเรื่อยเรื่อย และทุกอย่างมีพยานหลักฐาน และผิดกฎหมายชัด.

ประธานสภาฯรอคนร้องเรียนก่อน

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงข้อวิจารณ์เรื่องการแต่งตั้งผู้ช่วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่อาจขัดต่อข้อบังคับว่า การแต่งตั้งต้องเป็นไปตามระเบียบ หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา สภาฯ จะมอบให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการละเว้นหน้าที่ และย้ำว่าตำแหน่งผู้ชำนาญการหรือผู้ช่วย สส. สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี  เรื่องนี้ต้องมีคนร้องเรียนเข้ามาก่อนเพื่อที่จะได้มีข้อมูล ทางสภาจะให้ฝ่ายกฎหมายไปตรวจสอบว่าข้อร้องนั้นเป็นจริงหรือไม่ เพราะการแต่งตั้งผู้ชำนาญการหรือผู้ช่วย สส.สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกปี

เปิดคุณสมบัติผู้ช่วย สส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามระเบียบของสภาผู้แทนราษฎร ระบุไว้ว่า สส. สามารถแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญประจำตัว ผู้ชำนาญการประจำตัว และผู้ช่วยดำเนินงาน สส. ได้รวม 8 คน คุณสมบัติทั่วไป (ต้องมีครบทุกประการ)

1. มีสัญชาติไทย

2. มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์

3. เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ

4. ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ คนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ

5. ไม่เป็นข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีตำแหน่ง หรือเงินเดือนประจำ ผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการการเมือง ข้าราชการ รัฐสภาฝ่ายการเมือง พนักงานหน่วยงานของรัฐ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ

6. ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีจนเป็นที่รังเกียจของสังคม

7. ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย

คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง (ต้องมีข้อใดข้อหนึ่ง)

1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป หรือ

2. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป และเคยปฏิบัติหรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือ

3. ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และเคยปฏิบัติ หรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 4 ปี หรือ

4. ได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) และเคยปฏิบัติ หรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือ

5. สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ) และเคยปฏิบัติ หรือประสานงานทางด้านการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี

ส่วนหน้าที่รับผิดชอบอยู่ที่ สส.กำหนด เมื่อผ่านการคัดกรองจาก สส.แล้ว ทางสำนักงานเลขาสภาฯ จะตรวจสอบคุณสมบัติและหลักฐานการสมัครอีกครั้ง หากเห็นว่าถูกต้องตามหลักเกณฑ์ก็จะมีคำสั่งแต่งตั้งต่อไป โดยได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 15,000 บาท.

แบ่งปัน.
Exit mobile version