“ช่างบิ๊ก” หนุ่มที่เคยขนของไปช่วยชายแดน รับน้ำตาไหล ห่วงปราสาทตาควายตกเป็นของกัมพูชา วอนนายกฯ ทวงคืน ขณะที่อดีตทหาร แนะอย่าเพิ่งปล่อย 18 เชลย บอกอีกฝ่ายไว้ใจไม่ได้
วันที่ 30 ต.ค.68 จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก “ช่างบิ๊ก บุรีรัมย์” ได้โพสต์ภาพปราสาทตาควายพร้อมเครื่องจักรและข้าวสารอาหารแห้ง พร้อมเขียนข้อความว่า “#ปราสาทตาควายก่อนรบ ทีมเรานำยางรถยนต์ น้ำและอาหารแห้งไปมอบให้พี่ๆทหาร เพื่อเตรียมความพร้อม ระหว่างรบ ทีมเราวิ่งส่งเสบียงในพื้นที่ ให้กับผู้ประสบภัยที่ไม่อพยพ รวมถึงเจ้าหน้าที่หมู่บ้านหลังรบเสร็จ เราเข้าไปช่วยเพื่อเตรียมความพร้อมหากมีการปะทะอีกครั้ง เช่น ทำบังเกอร์ ทำทางให้รถถัง นำยางรถยนต์ เสบียงน้ำดื่ม อาหารแห้งขึ้นไป ลุยงานกันจนดึกทุกวันแต่ไม่เคยเหนื่อยเลย #ในวันที่รู้ว่าเราเสียปราสาทตาควาย ผมขับรถจากบ้านไปช่วยทำทางให้ทหาร ขับรถไปน้ำตาไหลไป แต่ไม่เคยท้อเลย #มีแค่ความเชื่อว่าสักวันเราจะเอาปราสาทตาควายกลับมาคืน แต่สุดท้าย ความเชื่อในครั้งนี้ของผม มันคงไม่เป็นจริงแล้ว ถ้าดูจากสถานการณ์และแนวทางในการเจรจาตอนนี้ #เราคงพูดได้แล้วว่าเราเสียปราสาทตาควายไปตลอดกาล #มันไม่ใช่แค่ปราสาทแต่มันคือผืนแผ่นดินไทย”
ซึ่งหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายภูริภาคย์ ศรีรัตน์ดีจรัส อายุ 38 ปี หรือ ช่างบิ๊ก ชาว ต.บ้านยาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า ตั้งแต่ก่อนจะมีการปะทะ ตนกับทีมงานเดินทางไปช่วยทหาร ทั้งขนยางรถยนต์เอาไปทำเป็นบังเกอร์หลายคันรถ เอาข้าวสารอาหารแห้งไปหลายครั้ง และต่อมาหลังหยุดยิง ทราบว่าทหารกัมพูชาสามารถยึดครองเอาปราสาทตาควายไว้ได้ ตอนนั้นตนคิดว่าอาจจะพอมีแนวทางยึดกลับคืนมา แต่หลังมีการลงนามที่มาเลเซีย โดยมีผู้นำสหรัฐและผู้นำมาเลเซีย มาร่วมเป็นพยานด้วยนั้น ส่วนตัวมองว่าโอกาสที่จะได้ปราสาทคืนมายากขึ้น หรือเท่ากับอาจจะหมดโอกาส เพราะเริ่มมีการขนอาวุธหนักกลับตามข้อตกลงแล้ว ยอมรับว่าหลังรู้ข่าวตอนหยุดปะทะ ตนพยายามขับรถไปมองทั้งน้ำตาด้วยความเสียดาย ส่วนหนึ่งก็อยากจะฝากถึงนายกรัฐมนตรี ว่าให้หาแนวทางเอาปราสาทตาควายกลับคืนมาเป็นของไทยคืน เพราะจุดนั้นเป็นแผ่นดินของไทย
ขณะที่ นายกรกต เกตุแก้ว อายุ 66 ปี อดีตทหารพรานจู่โจม 513 ค่ายปักธงชัย กล่าวว่า เราเสียปราสาทตาควายแล้ว 100% เราคนไทยต้องยึดคืนปราสาทตาควาย ส่วนเรื่องเชลยศึก เราไม่ควรปล่อยเชลยศึก 18 คน เพราะถ้าปล่อยไป ทั้ง 18 คน จะพูดว่าทหารเราทรมาน เราควรให้ศึกสงบก่อน และกัมพูชาปรับกำลังยุทโธปกรณ์ และถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะตนไม่เชื่อว่ากัมพูชาจะถอนกำลังจริงๆ






